รมช.อนุชา ร่วมเปิดเวที “สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม” ระดมภาคีเครือข่ายเข้าหารือ-แลกเปลี่ยน พัฒนานโยบายสาธารณะ 3 ประเด็น “จัดการความเสี่ยงอุทกภัย – ป้องกันเด็กนักเรียนจากบุหรี่ไฟฟ้า – ออกแบบบริการขนส่งสาธารณะในเมือง” ก่อนสังเคราะห์เป็นข้อเสนอยื่นเข้าสู่วาระยุทธศาสตร์จังหวัดต่อไป
นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ร่วมเปิดการประชุมสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สภาองค์กรของผู้บริโภค และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1. จัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ (อุทกภัย) ระดับชุมชน 2. บุหรี่ไฟฟ้า…ภัยเงียบในชั้นเรียน 3. การบริการขนส่งสาธารณะในเมืองนครปฐม ก่อนที่จะสังเคราะห์ออกมาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อส่งมอบเข้าสู่วาระยุทธศาสตร์จังหวัดต่อไป
นายอนุชา เปิดเผยว่า ในฐานะคนนครปฐม ตนมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสมัชชาสุขภาพจังหวัดที่ทำให้กับชาวนครปฐม ผ่านกระบวนการระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วน ที่เป็นความรู้สึกจริงจากภาคประชาชนหรือภาคเอกชนโดยตรง ซึ่งรวบรวมสภาพปัญหาและบริบทต่างๆ เพื่อทำให้เกิดข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมส่งให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ได้นำไปปฏิบัติหรือขับเคลื่อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนในบทบาทของ รมช.สธ. ก็จะขอทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการร่วมขับเคลื่อนงานต่างๆ
นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับวาระทั้ง 3 ประเด็นที่มีการพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยพิบัติ ตนมองว่านอกจากปัญหาเรื่องของน้ำท่วมน้ำแล้งแล้ว สิ่งที่ยังพบบ่อยคือน้ำเสีย ที่ส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต จึงเป็นสิ่งที่ต้องหาวิธีแก้ไขให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องเด็กและเยาวชน โดยในฐานะที่ตนเป็นผู้มีประสบการณ์ตรง มองว่าปัจจัยการเลิกบุหรี่ได้นั้นอยู่ที่ปณิธานและความมั่นใจในตัวเอง ขณะที่เรื่องของบริการขนส่งสาธารณะ ในระหว่างที่ยังต้องรอ เราอาจมาหาแนวทางในการรณรงค์ เช่น ทางเดียวกันติดรถไปด้วยกัน เพื่อลดปริมาณการใช้รถยนต์ลงไปได้ด้วยเช่นกัน
รมช.สธ. กล่าวด้วยว่า อีกหนึ่งปัญหาสำคัญด้านสุขภาพของประเทศ คือเรื่องของโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ที่นอกจากจะเป็นการทำร้ายตนเองแล้วยังเป็นการทำร้ายประเทศชาติ ด้วยโรคที่เราสร้างขึ้นมาจากพฤติกรรมของตนเอง จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทางในการรณรงค์เพื่อแก้ไขพฤติกรรม ซึ่งในส่วนของผู้สูงอายุอาจเป็นการยาก เพราะเข้าสู่ระยะที่ต้องมารักษาแล้ว ดังนั้นหากเราตั้งเป้าไม่อยากให้มีผู้ป่วย NCDs เพิ่ม ก็จะต้องไปแก้พฤติกรรมตั้งแต่เด็กวัยเรียน เช่น การให้เด็กคุ้นเคยกับอาหารที่รสชาติจืดลง ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือของทางโรงเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ แต่หากช่วยกันสำเร็จได้ก็จะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศไปได้มาก
ขณะที่ น.ส.ชุติมา น้อยนารถ สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า แม้สถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมของ จ.นครปฐม อาจไม่ค่อยได้เกิดขึ้นแบบฉับพลันรุนแรง แต่ในพื้นที่กลับเจอลักษณะน้ำท่วมเป็นประจำ (routine) และภาวะที่เจอหนักมากขึ้นคือฝนที่ตกกระหน่ำแบบฉับพลัน (Rain Bomb) ซึ่งระบบการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะในเขตเมืองกลับไม่รองรับ ขณะเดียวกันเรื่องของอุทกภัยเองก็เคยถูกเสนอเป็นนโยบายมาแล้วหลายครั้งในเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัด แต่ครั้งนี้มีความตั้งใจที่จะย้อนกลับไปดูว่าเมื่อเป็นนโยบายแล้ว มีกลไกอะไรที่ยังติดขัด หรือต้องปลดล็อกอีกบ้างเพื่อให้สามารถเกิดการแก้ไขปัญหาได้จริง จึงเป็นที่มาของประเด็น “จัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ (อุทกภัย) ระดับชุมชน”
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า แนวทางข้อเสนอครั้งนี้ โดยหลักแล้วจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือการผลักดันวาระ ‘ประตูระบายน้ำ’ ของ จ.นครปฐม ที่ยังประสบปัญหาการหาเจ้าภาพในการบริหารจัดการ ทำให้เกิดความลักลั่นการดูแลระหว่างขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กับชลประทาน จึงต้องการให้เกิดกลไกมาร่วมกันแก้ไขปัญหา เพราะหากบริหารประตูระบายน้ำได้ดี พบว่าจะมีส่วนช่วยลดปัญหาวิกฤตของน้ำได้ถึง 50-60% ขณะที่อีกส่วนคือการให้อำเภอเป็น ‘เซนเตอร์’ ของการบริหารจัดการภัยพิบัติในยามวิกฤต เพราะพบว่าจะมีศักยภาพในการจัดการกับภาวะวิกฤตได้มากกว่า อบต.
นางจริยาพันธ์ รุจิรัชกุล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม (สสจ.นครปฐม) กล่าวว่า จากการสำรวจสถานศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมจนถึงมัธยม ประมาณเกือบ 300 แห่งใน จ.นครปฐม พบว่ามีเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 13.5% แล้วยังพบว่าอายุน้อยที่สุดคือ 8 ขวบ จึงถือเป็นสถานการณ์ของจังหวัดที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง ซึ่งประเด็นของบุหรี่ไฟฟ้าเองก็ถูกยกให้เป็นปัญหาสำคัญอันดับ 1 ที่ประชาชนต้องการให้ทางจังหวัดแก้ไขอีกด้วย จากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเพื่อสอบถามว่ามีปัญหาอะไรที่ต้องการให้แก้ไขอยู่บ้าง ภายหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่
นางจริยาพันธ์ กล่าวว่า จากนโยบายต่างๆ ที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมดำเนินการปกป้องเด็กและเยาวชนในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า พบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะต้องก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา อปท. เองก็มีตัวชี้วัด Local Performance Assessment (LPA) ที่ประเมินผลในการควบคุมยาสูบอยู่แล้ว หากแต่ตัวชี้วัดด้านนี้กลับมีสัดส่วนคะแนนไม่มาก จึงทำให้ อปท. ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ทำ ดังนั้นข้อเสนอหนึ่งในประเด็น “บุหรี่ไฟฟ้า…ภัยเงียบในชั้นเรียน” จึงต้องการให้ทางจังหวัดกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน โดยอาจยืนยันว่า LPA นี้จำเป็นต้องทำ เพื่อให้ อปท. ดำเนินการในเรื่องนี้
นายกิตติพัฒน์ ปราการรัตน์ ตัวแทนกลุ่มเจดีย์ กล่าวว่า การขาดระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้คนที่อยู่ในเมืองไม่เพียงประสบปัญหาการจราจรติดขัดเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อการใช้ชีวิตที่ส่งผลไปถึงสุขภาพได้ ซึ่งทุกวันนี้การมุ่งไปใช้รถส่วนตัว ก็ส่งผลให้ครอบครัวต้องก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นจากการซื้อรถให้นักเรียนนักศึกษาใช้เดินทางไปเรียน ในขณะที่การมีขนส่งสาธารณะจะมีส่วนช่วยให้สุขภาพคนดีขึ้นได้ เพราะมีการเดินเพิ่มขึ้น รวมถึงทำให้สภาพแวดล้อมเกิดมลพิษน้อยลง และเมื่อคนใช้ระยะเวลาบนท้องถนนน้อยลง ก็มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น ทั้งยังเป็นการสร้างความเท่าเทียมในสังคมมากขึ้น จึงเป็นที่มาของประเด็น “การบริการขนส่งสาธารณะในเมืองนครปฐม”
นายกิตติพัฒน์ กล่าวว่า ความจริงแล้วกระบวนการพัฒนานโยบายเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่และยังต้องทำกันในอีกหลายครั้ง แต่เมื่อเวทีสมัชชาสุขภาพจังหวัดมองเห็นว่าเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องผลักดัน จึงได้นำเอากระบวนการคิดเข้ามาร่วมกันค้นหารูปแบบของรถสาธารณะที่จะเกิดขึ้นได้ โดยข้อเสนอสำคัญที่สื่อสารไปถึงจังหวัด คือการอยากให้จังหวัดรับบทบาทเป็นเจ้าภาพหลักของการขับเคลื่อนเรื่องนี้ ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้ อปท. พื้นที่ต่างๆ ยินดีที่จะเข้ามาร่วมกันทำให้เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ในส่วนของ นายปรีชา ดิลกพรเมธี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอในทุกประเด็น โดยในหลายข้อเสนอของสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ส่วนหนึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจมีการดำเนินการกันอยู่แล้ว แต่ก็อาจมีบางประเด็นน่าสนใจที่ถูกเพิ่มเข้ามา ซึ่งข้อเสนอเชิงนโยบายที่ได้รับมอบจากภาคีเครือข่ายมาในวันนี้ หากส่วนไหนมีการดำเนินการอยู่แล้วก็จะขอนำไปหนุนเสริม ส่วนไหนเป็นความคิดเห็นเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ ก็จะขอนำไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อ
ด้าน รศ. ดร.เกศินี ประทุมสุวรรณ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ถือเป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันขององค์กรภาคีหลากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาในพื้นที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นการเชิญหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภาคีภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม มาร่วมกันพัฒนานโยบายสาธารณะ และขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
รศ. ดร.เกศินี กล่าวว่า หลายนโยบายที่เกิดขึ้นก็เป็นการเดินหน้าที่ต่อเนื่องมาจากมติระดับชาติ ซึ่งมีความเชื่อมโยงมาถึงระดับพื้นที่ เช่น มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การจัดการภัยพิบัติธรรมชาติโดยชุมชนท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง หรือมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยการขับเคลื่อนมติเหล่านี้มีบทบาทของ อปท. เป็นส่วนสำคัญ และกระบวนการของสมัชชาสุขภาพจังหวัดจะมาพูดคุยกันจากประสบการณ์จริงจากแต่ละส่วน ว่ามีข้ออ่อน ข้อจำกัด หรือเงื่อนไขอะไรที่ยังดำเนินการไม่ได้ เพื่อแปลงเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ทุกภาคส่วนจะมาช่วยกันขับเคลื่อน
“ส่วนนโยบายระดับชาติของปีนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกันของหลายภาคส่วน ทางภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ จะมีการไปพบกันเพื่อร่วมกันพิจารณาและรับรองในเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี” กรรมการสุขภาพแห่งชาติ ระบุ