“สมศักดิ์” เปิดเวทีกำหนดทิศทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ฯ ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพ ลดการนำเข้า เพิ่มมูลค่านวัตกรรมไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเวทีการประชุมกำหนดทิศทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วมของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หนุนลดการนำเข้า เพิ่มมูลค่านวัตกรรมในประเทศ เผยนวัตกรรมที่คิดค้น ขึ้นในรอบ 4 ปี (2565-2568) สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 362 ล้านบาท พร้อมร่วมเป็นสักขีพยาน พิธีลงนามสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารสกัดจากใบกระท่อม สู่ภาคเอกชน ยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยในตลาดโลก สร้างรายได้ให้เกษตรกร

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมกำหนดทิศทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบมีส่วนร่วมของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประจำปี 2568 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานวิจัย และเป็นสักขีพยานการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารสกัด 7-ไฮดรอกซีไมทราไจนีน และเทคโนโลยีกรรมวิธีการผลิตสารสกัดจากใบกระท่อมที่มีสารไมทราไจนีนความเข้มข้นสูง สู่ภาคเอกชน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยในตลาดโลก หนุนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกร โดยมี นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และผู้แทนภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ควบคู่กับการยกระดับระบบสาธารณสุขให้เข้มแข็งและยั่งยืน และสร้างความเชื่อมั่นในระบบสุขภาพของประเทศ ที่ผ่านมามีผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม เช่น การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคโควิด 19 และฝีดาษลิง ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและแก้ปัญหาโรคระบาดได้อย่างทันท่วงที การยกระดับห้องปฏิบัติการเพื่อรองรับการตรวจคุณภาพยาชีววัตถุและเซลล์บำบัด ซึ่งเป็นความหวังใหม่ในการรักษาโรคมะเร็งและโรคหายาก การทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สุขภาพ อาหาร ยา และสมุนไพร เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน และสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล การวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกระท่อมไทย ศึกษาปริมาณสารสำคัญไมทราไจนีน ควบคู่การพัฒนาสารสกัดที่ได้มาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกพืชสมุนไพร การตรวจวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการของอาหาร และคุณภาพข้าว ซึ่งมีความสำคัญต่อสุขภาพและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดส่งออก การประชุมในครั้งนี้จึงเป็นการช่วยยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ
และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ด้าน นพ.ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยคิดค้นนวัตกรรมเพื่อผลักดันนโยบายรัฐบาล มุ่งเน้น 7 ด้าน ได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพการบริการตรวจวินิจฉัยโรคของประเทศไทย มีนวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยโรคที่เข้าถึงง่าย รวดเร็ว 2.เสริมสร้างความเข้มแข็งผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูงของประเทศ 3.พัฒนาศูนย์ทดสอบมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ระดับชาติแบบครบวงจร 4.ทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ 5.สนับสนุนและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารใหม่ของประเทศไทย 6.ยกระดับสมุนไพรสู่ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพระดับสากล และ 7.สนับสนุนเส้นทางการท่องเที่ยวสุขภาพแบบครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลักดันนวัตกรรมไปแล้วกว่า 73 ผลิตภัณฑ์ ถ่ายทอดสู่ภาคเอกชนแล้ว 37 ผลิตภัณฑ์ และยังมีอีก 36 ผลิตภัณฑ์ เช่น ชุดตรวจ NAT2 diplotype ด้วยเทคนิค real-time PCR ชุดตรวจการติดเชื้อวัณโรค หลักการ IGRA เทคโนโลยีการผลิตสารสกัดกระท่อม ที่พร้อมถ่ายทอดสู่ภาคเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่สนใจนำไปต่อยอดทางธุรกิจ โดยระหว่างปี 2565-2568 นวัตกรรมที่กรมฯ คิดค้นพัฒนา ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศแล้วกว่า 362 ล้านบาท ลดการนำเข้าชุดตรวจ เช่น ชุดตรวจยีนแพ้ยา 4.2 ล้านบาทต่อปี ชุดตรวจ TB LAMP 2.7 ล้านบาทต่อปี เป็นต้น