ในวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนจากเหตุการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับฟังสรุปรายงานสถานการณ์และประเด็นสำคัญ และมอบนโยบายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
โอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงหลักการในการดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ และต้องให้การช่วยเหลือทั้งในด้านกฎหมาย สิทธิมนุษยชน และการเยียวยาสภาพจิตใจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ในด้านสภาพจิตใจของผู้อพยพหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่พิพาทสั่งการให้นักจิตวิทยาในสังกัดกระทรวงยุติธรรมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านนี้หาแนวทางเยียวยาด้านจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงยุติธรรม หากสามารถสนับสนุนช่วยเหลือหน่วยงานอื่นได้ให้ดำเนินการทันที และสนับสนุนอย่างเต็มที่แบบไร้รอยต่อ พร้อมทั้งสั่งการให้จัดตั้งจุดให้คำปรึกษาทางกฎหมายในพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงยุติธรรมจะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทั่วถึง
จากนั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางไปยังโรงพยาบาลศรีสะเกษเพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ผู้บาดเจ็บ จำนวน 8 ราย พร้อมทั้งมอบสิ่งของ และแจ้งสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้บาดเจ็บ ต่อจากนั้น ได้เดินทางไปยังวัดบ้านหนองสนม (ศูนย์อพยพ) ตำบลเหล่ากวาง อำเภอโนนคูณ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนที่พักอาศัยอยู่ จำนวน 631 คน และเยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 4 ราย พร้อมมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ อาทิ ไข่ไก่ อาหารแห้ง นม และน้ำดื่ม ฯลฯ
จากนั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะ เดินทางไปยังโรงเรียนเบญจลักษณ์พิทยา (ศูนย์อพยพ) อำเภอเบญจลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพชั่วคราวซึ่งเป็นประชาชนจากบ้านภูมิซรอล ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้เดินทางมาพักพิงตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยโรงเรียนเบญจลักษณ์พิทยา (ศูนย์อพยพ) ประกอบด้วย อาคาร จำนวน 6 หลัง ที่สามารถรองรับผู้อพยพได้ จำนวนประมาณ 2,100 คน โอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และน้ำดื่มที่ได้รับการสนับสนันจากทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียงให้แก่ผู้อพยพ รวมถึงได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วย จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวที่อพยพจากบ้านพักมาเพื่อความปลอดภัย
โอกาสนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า รัฐบาล โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใย และได้ยกระดับเรื่องเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยให้ลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างเร่งด่วน รวมถึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่เป้าหมาย 4 จังหวัดชายแดนสำคัญ และตนได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอบคุณข้าราชการที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน และมาให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตมากกว่า 10 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี และเป้าหมายที่อ่อนแอ ที่เกิดจากการกระทำของฝ่ายตรงข้ามที่ยิงปืนใหญ่มาในพื้นที่ค้าขาย ย่านชุมชน และโรงพยาบาลโดยไม่ปราณี ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีมาตรการเพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยโดยเฉพาะประชาชนตามแนวชายแดน เช่น จังหวัดศรีสะเกษที่มีประชากรกว่า 1,000,000 คน ที่มีประชากรตามแนวชายแดนกว่า 100,000 คน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษจึงต้องเร่งอพยพประชาชนทุกคนให้ปลอดภัย และอยู่นอกรัศมีของอาวุธจากฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามารุกรานประเทศไทย ในนามรัฐบาลขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้อำนวยการเบญจลักษณ์พิทยา จิตอาสา และทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันในเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน โดยเฉพาะสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ได้ให้กองทัพดำเนินการให้เต็มที่ซึ่งมีเป้าหมายมิใช่เพื่อป้องกันประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้องขจัดผู้รุกรานที่มาก่อเหตุ ในส่วนของการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ทางรัฐบาลได้มีการอนุมัติเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา โดยมีวงเงินการช่วยเหลือ ดังนี้ กรณีเสียชีวิต (ค่าจัดการศพ) รายละ 1,000,000 บาท กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท และกรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าเสียโอกาสในการทำงาน รวมถึงในส่วนของกระทรวงยุติธรรมได้มีช่องทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้เสียหายตามกฎหมาย จากการก่ออาชญากรรมของคนร้ายที่กระทำความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559 ผ่านกลไกของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศที่จะต้องเข้าไปดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดพร้อมนำความยุติธรรมไปช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย สิทธิ และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำความยุติธรรมไปหาประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม