ยุติธรรมหนุนค่ายสานพลังใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพในระบบคุมประพฤติ ขานรับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล มุ่งคืนคนคุณภาพสู่สังคมอย่างยั่งยืน

กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุมประพฤติ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านกลไกการแก้ไขฟื้นฟูผู้เสพในระบบคุมประพฤติ ล่าสุดจัดโครงการค่าย “สานพลังใจ” รุ่นที่ 4 ณ ศูนย์พัฒนาพฤตินิสัยลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี มุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพให้กลับมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ พร้อมยกระดับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างชุมชนปลอดภัยและยั่งยืน

วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมระยะยาว (60 วัน)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 หรือค่ายสานพลังใจ รุ่นที่ 4 จัดโดย สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดปทุมธานี โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ตลอดจนหน่วยงานภาคีเครือข่ายจากภาครัฐ เอกชน ประชาชน และอาสาสมัครคุมประพฤติ เข้าร่วมแสดงพลังขับเคลื่อนภารกิจการแก้ไขปัญหายาเสพติด

ลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ค่ายสานพลังใจเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังชุมชนเพื่อฟื้นฟูทั้งตัวผู้เสพและสภาพแวดล้อม โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ซึ่งกรมคุมประพฤติได้ขานรับนโยบายนี้ ผ่านการดำเนินในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 60 วัน

ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดในระบบคุมประพฤติจำนวนมาก ยังสามารถพัฒนาให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าได้ หากได้รับโอกาส การดูแล และการแก้ไขฟื้นฟูที่เหมาะสม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน ชุมชน ครอบครัว และอาสาสมัครคุมประพฤติร่วมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน” ปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าว

สำหรับค่ายสานพลังใจ รุ่นที่ 4 ผู้เข้าร่วมค่ายจะได้รับการแก้ไขฟื้นฟูแบบองค์รวม ทั้งด้านสุขภาพกายและใจ การฝึกทักษะอาชีพ การพัฒนาทัศนคติและพฤติกรรม รวมถึงการมีส่วนร่วมของครอบครัว เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และห่างไกลจากยาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรมยังได้มอบทุนประกอบอาชีพให้แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติ จำนวน 4 ราย รวมมูลค่า 47,000 บาท เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการดำเนินกิจการร้านค้า อาทิ ร้านอาหารตามสั่ง ร้านกล้วยทอด ร้านเฉาก๊วย และร้านตัดผมชาย พร้อมทั้งร่วมพูดคุยกับครอบครัวผู้เข้าร่วมค่าย และเยี่ยมชมตลาดนัดอาชีพ เพื่อให้กำลังใจและสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพผู้ติดยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม