1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เพชรบูรณ์ (127 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อุบลราชธานี (33 มม.) ภาคกลาง : จ.ปทุมธานี (16 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (12 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (30 มม.) ภาคใต้ : จ.ระนอง (35 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 26 – 30 ก.ค. 68 ประเทศไทยจะมีฝนลดลงแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน
2. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 24 ก.ค. 68 ในพื้นที่ 8 จ. 44 อ. ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.ป่าแดด เมืองฯ เทิง เวียงแก่น เชียงของ ขุนตาล เวียงเชียงรุ้ง เวียงชัย เวียงป่าเป้า แม่สรวย พญาเม็งราย พาน ดอยหลวง แม่จัน และแม่ลาว) แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ) เชียงใหม่ (อ.พร้าว ฮอด แม่ออน แม่อาย ฝาง ไชยปราการ และดอยสะเก็ด) ลำปาง (อ.งาว และวังเหนือ) พะเยา (อ.ปง เชียงคำ จุน ดอกคำใต้ และภูซาง) น่าน (อ.เมืองฯ ภูเพียง ปัว เชียงกลาง ท่าวังผา เฉลิมพระเกียรติ เวียงสา บ่อเกลือ บ้านหลวง และแม่จริม) แพร่ (อ.เมืองฯ สอง และหนองม่วงไข่) และเลย (อ.ด่านซ้าย)
3. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 59% ของความจุเก็บกัก (47,987 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 40% (23,871 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
4. ข่าวประชาสัมพันธ์ : เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 68 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) เป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับภูมิภาคในหัวข้อ การพัฒนาข้อเสนอการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำร่วมกัน (Joint Water Quality Monitoring) ณ จ.เชียงราย โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิก MRC ได้แก่ ประเทศไทย สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงผู้แทนจากเมียนมาเข้าร่วมประชุม การประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกและแม่น้ำโขง พร้อมวางแนวทางความร่วมมือด้านวิชาการ การแบ่งปันข้อมูล และการติดตามคุณภาพน้ำข้ามพรมแดนร่วมกันในภูมิภาค โดยมี ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เป็นประธานฝ่ายไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจาก สทนช. กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรน้ำ ร่วมเสนอข้อมูลผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก สาย รวก และโขง ซึ่งพบค่าการปนเปื้อนสารหนูเกินมาตรฐานตามเกณฑ์ WHO และเสนอแนวทางการเฝ้าระวัง การแจ้งเตือน และการจัดการผลกระทบในพื้นที่ ด้านเมียนมาโดยกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกตอนบน และจะเข้าร่วมดำเนินโครงการในฐานะประเทศคู่เจรจา (Dialogue Partner) โดยจะมีบทบาทในการสำรวจ เก็บ วิเคราะห์ และแบ่งปันข้อมูลคุณภาพน้ำจากฝั่งต้นน้ำ ประเทศไทย ได้เสนอแนวทางความร่วมมือในระยะยาว เช่น การกำหนดพารามิเตอร์ตรวจวัดคุณภาพน้ำร่วมกัน การจัดตั้งแพลตฟอร์มแบ่งปันข้อมูล การพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพการส่งเสริมการใช้แนวทางธรรมชาติ การแจกชุดทดสอบคุณภาพน้ำภาคสนามให้แก่ชุมชนในพื้นที่
ผลจากการประชุมครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้นความร่วมมือระหว่างเมียนมา และประเทศสมาชิก MRC ภายใต้เอกสารข้อเสนอการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำร่วมกัน (Concept Note) โดยจะมีการแบ่งปันข้อมูล จุดเก็บตัวอย่างและผลการตรวจวัดที่มีอยู่ พร้อมทั้งจะร่วมกันกำหนดจุดเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม ความถี่ในการเก็บข้อมูล และการสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระยะยาวในการบริหารจัดการคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำโขงได้อย่างยั่งยืน