“สมศักดิ์” ประกาศ 5 ความสำเร็จ “กรมการแพทย์” ๑๐+ หัวใจที่รอคอย ๑๐๐+ คืนลมหายใจ ๑,๐๐๐+ สมองฟื้น ๑๐,๐๐๐+ แสวงบุญบนเส้นทางศรัทธา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศ 5 ความสำเร็จ “กรมการแพทย์” ใช้เทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงและศรัทธา ดูแลผู้ป่วยโรคซับซ้อนรุนแรง ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการ ทั้งกรอหินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจ 10 ราย เปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยสายสวน ไม่ต้องเปิดหน้าอก ในผู้ใหญ่ 100 ราย และเด็ก 100 ราย เปิดหลอดเลือดสมองโดยสายสวน 1,000 ราย และส่งทีมแพทย์ดูแลพระสงฆ์และผู้แสวงบุญดินแดนพุทธภูมิกว่า 10,000 ราย

วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าว “๑๐+…๑๐๐+…๑,๐๐๐+…๑๐,๐๐๐+ มอบชีวิตใหม่ ดูแลด้วยใจ หายได้ด้วยเทคโนโลยีและศรัทธา” โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ได้พัฒนาแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคซับซ้อนและรุนแรงด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงที่ก้าวหน้าและปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และทันเวลาในทุกพื้นที่ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการ ซึ่งในวันนี้เป็นการประกาศ 5 ความสำเร็จของการใช้เทคโนโลยีและศรัทธาในการดูแลผู้ป่วย ถือเป็นความหวังสำหรับอนาคตของระบบสุขภาพไทย ประกอบด้วย 1.การกรอหินปูน เพื่อเปิดหลอดเลือดด้วยหัวกรอกากเพชรชนิดแรงเหวี่ยง ครบ 10 ดวง โดยสถาบันโรคทรวงอก 2.การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยสายสวนในผู้ใหญ่ครบ 100 ดวง โดยสถาบันโรคทรวงอก 3.การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยสายสวนในเด็กครบ 100 ดวง โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี 4.การเปิดหลอดเลือดสมองโดยใช้สายสวนในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครบ 1,000 ราย โดยสถาบันประสาทวิทยา และ 5.การส่งทีมแพทย์ดูแลพระสงฆ์และผู้แสวงบุญที่ดินแดนพุทธภูมิกว่า 10,000 ราย โดยโรงพยาบาลสงฆ์

“ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาผสานกับหัวใจของความเป็นมนุษย์ เพื่อให้การรักษาพยาบาลไม่ใช่เพียงแค่การยืดชีวิต แต่เป็นการคืนคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วยทุกคน ขอยืนยันว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ และจะเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ขอขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทุกสาขา ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยส่งต่อข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่ประชาชน” นายสมศักดิ์กล่าว

ด้าน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า กรมการแพทย์เป็นกรมด้านวิชาการ มีความพร้อมทั้งองค์ความรู้ เทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้รักษาผู้ป่วย และกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญหลายสาขา มีความมุ่งมั่นพัฒนาการจัดบริการทางการแพทย์เฉพาะทางระดับตติยภูมิที่ยุ่งยากซับซ้อน ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการรักษาโรคยากซับซ้อนได้อย่างทั่วถึงด้วยมาตรฐานเดียวกัน ตามปณิธานว่า “ทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต” และมีเป้าหมายนำการแพทย์ไทย ให้เป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย สำหรับความสำเร็จ ทั้ง 5 เรื่อง มีรายละเอียด ดังนี้

1.”คืนชีพให้หัวใจด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง” โดยสถาบันโรคทรวงอกเริ่มทำการรักษาด้วยอุปกรณ์ขับเคลื่อน สายสวนหัวกรอกากเพชรแรงเหวี่ยง ในปี 2568 ซึ่งเป็นแห่งแรกในประเทศไทย จากสถิติพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ที่มีหินปูนเกาะในหลอดเลือดหัวใจเข้ามารักษาที่สถาบันฯ กว่า 100 รายต่อปี หินปูนมีความแข็งส่งผลให้การขยายหลอดเลือดไม่สมบูรณ์ ขดลวดขยายตัวได้ไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดการตีบกลับซ้ำของขดลวดหรือลิ่มเลือดอุดตันที่ขดลวด การรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วยการกรอหินปูนด้วยหัวกรอกากเพชรชนิดแรงเหวี่ยง ครบ 10 ดวง พบว่าสามารถขยายหลอดเลือดหัวใจได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนช่วยให้หัวใจกลับมา ทำงานเป็นปกติอีกครั้ง โดยผู้ป่วยสามารถส่งตัวมาจากโรงพยาบาลทั่วประเทศหรือเข้ารับการรักษาโดยตรงที่สถาบันโรคทรวงอก

2.“เปิดโอกาสใหม่ให้หัวใจ ด้วยนวัตกรรมแพทย์เฉพาะทาง” โดยสถาบันโรคทรวงอก ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบเพิ่มมากขึ้นทุกปีโดยเฉพาะผู้สูงอายุ คาดว่ามีผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ในการรักษาด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจมากกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ จำนวนนี้มีมากกว่า 100 ราย ที่ได้รับการรักษาด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดเฉพาะทาง TAVI ผ่านสายสวน โดยไม่เปิดหน้าอก ช่วยลดความเสี่ยง ฟื้นตัวเร็ว ประสิทธิภาพเทียบเท่าสากล จึงผลักดันให้โรงพยาบาลรัฐสามารถให้บริการนี้โดยไม่เสียค่าวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ส่วนเกินในทุกสิทธิการรักษา เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยมีคลินิกโรคหัวใจ และ TAVI-HEART TEAM CLINIC สถาบันโรคทรวงอก รับปรึกษาส่งต่อจากเครือข่ายศูนย์หัวใจทั่วประเทศ

3.“หัวใจดวงน้อยได้โอกาสใหม่ ให้เติบโตเต็มดวง” โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ประเทศไทยมีอัตราทารกป่วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด 8 คนต่อทุกการเกิด 1,000 คน หรือพบราว 4,000 รายต่อปี จำนวนนี้เป็นโรคหัวใจพิการชนิดรุนแรง 400 ราย ต้องได้รับการรักษาโดยด่วน ซึ่งเดิมต้องผ่าตัดใหญ่อย่างต่อเนื่องเมื่อมีอายุมากขึ้น ปัจจุบันสามารถเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวนโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดอก ช่วยให้หายเร็ว เจ็บน้อย และกลับไปใช้ชีวิตตามวัยได้เร็วขึ้น ซึ่งมีการรักษาด้วยวิธีนี้ตั้งแต่ปี 2556 ปัจจุบันครบ 100 ราย โดยสถาบันฯ เป็นแห่งแรกในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และได้ทำการรักษาได้มากที่สุดในประเทศไทย

4.“ลดตาย ลดพิการ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง” ในปีที่ผ่านมาโรคหลอดเลือดสมองคร่าชีวิตคนไทยถึง 36,000 ราย โดยสถาบันประสาทวิทยาได้ทำการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยการใช้สายสวนและอุปกรณ์พิเศษในการดึงลิ่มเลือดหรือดูดออกจากหลอดเลือดสมองที่อุดตัน ช่วยลดโอกาสการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต และช่วยชีวิตได้มากที่สุดของประเทศไทย จำนวน 1,000 รายในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันถูกจัดให้เป็นชุดสิทธิประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรักษาเทคโนโลยีขั้นสูงได้ โดยให้การรักษาทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง มากกว่า 90 % เป็นผู้ป่วยได้รับการส่งต่อจากโรงพยาบาลเครือข่ายมายังสถาบันประสาทวิทยาเพื่อให้ได้รับการรักษา ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 80 มีผลการรักษาที่ดีโดยสามารถนำลิ่มเลือดที่อุดตันออกได้สำเร็จ

และ 5.“สุขภาพดีบนเส้นทางศรัทธา ไม่ละเลยแม้อยู่ห่างไกล” แต่ละปีมีผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปดินแดนพุทธภูมิ ประมาณ 70,000 – 100,000 คน กรมการแพทย์ ได้ส่งทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และทันตแพทย์ จากหน่วยงานในสังกัดกรม และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไปประจำการใน 3 จุด คือ พุทธคยา กุสินารา และลุมพินี ครอบคลุมฤดูแสวงบุญและช่วงเข้าพรรษา โดยตั้งแต่ปี 2553-2568 ให้การดูแลรักษาพระสงฆ์และผู้แสวงบุญชาวไทย รวม 45,993 รูป/คน โดยให้บริการทั้งด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เวชกรรมทั่วไป ทันตกรรม แพทย์แผนไทย และให้ความรู้ในการดูแลตนเอง ที่ผ่านมาได้ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งโรคหลอดเลือดสมอง อุบัติเหตุกระดูกแตกหัก เย็บแผลอุบัติเหตุ ทำให้ผู้แสวงบุญได้รับความปลอดภัยและกล่าวชื่นชมเป็นอย่างมาก

นี่คือตัวเลขที่ไม่ใช่แค่สถิติ แต่คือ “ชีวิตใหม่” ที่ได้รับการมอบคืนด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และพลังแห่งเทคโนโลยีการแพทย์ไทย โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข “ทำดีที่สุด เพื่อทุกชีวิต”