1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.แพร่ (142 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.กาฬสินธุ์ (139 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (44 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (54มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (79 มม.) ภาคใต้ : จ.สุราษฎร์ธานี (287 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 17 – 18 ก.ค. 68 ประเทศไทยยังคงมี ฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมาก ในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 58% ของความจุเก็บกัก (46,435 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 38% (22,256 ล้าน ลบ.ม.)
3.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (15 ก.ค. 68) คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบข้อเสนอแนะ มาตรการ หรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน จากปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน กรณีการปนเปื้อนมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายจากประเทศเมียนมา ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เสนอ ดังนี้
1. มาตรการภายในประเทศ
ให้กรมควบคุมมลพิษประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความถี่ของการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในพื้นที่เสี่ยง และให้คำแนะนำในการปฏิบัติตน รวมถึงพัฒนาระบบการเตือนภัยให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง
ให้กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสุขภาพและคัดกรองโรคที่อาจเกิดจากโลหะหนัก ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อย่างเร่งด่วนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ให้การประปาส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย เร่งจัดหาน้ำดื่มสะอาดสำรองสำหรับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย และวางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบที่ปลอดภัย พร้อมพัฒนาระบบประปาหมู่บ้าน
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเมินผลกระทบเบื้องต้น ต่อภาคเกษตรและการท่องเที่ยว และกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าแก่ผู้ได้รับผลกระทบ สนับสนุนงบประมาณสำหรับการขจัดสารพิษและฟื้นฟูแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน รวมถึงโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ
ให้คณะกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือเป็นหน่วยประสานหลัก และเสนอให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติแต่งตั้งหรือปรับปรุงองค์ประกอบของอนุกรรมการทรัพยากรน้ำระดับจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่
2. มาตรการระหว่างประเทศ
ให้กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการเจรจากับประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ เพื่อยุติกิจการเหมืองแร่ที่เป็นต้นเหตุของมลพิษ
ให้กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิผล รวมถึงให้ประเทศในภูมิภาคพัฒนากฎหมายภายใน เพื่อรองรับการจัดการ ป้องกัน และเยียวยาผลกระทบจากปัญหามลพิษข้ามพรมแดน
ทั้งนี้ ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และให้สรุปผลการพิจารณาแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน