สคทช. เดินหน้าโครงการศึกษาประเมินผลสัมฤทธิ์ฯ มุ่งยกระดับกฎหมายที่ดินให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ

วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (ผอ.สคทช.) มอบหมายให้ นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเริ่มต้นโครงการ “ศึกษาประเมินผลสัมฤทธิ์และปรับปรุงพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 (Kick Off Meeting)” เพื่อเริ่มต้นการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายและวางแนวทางการปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน นำโดย ดร.จักรกฤษณ์ ควรพจน์ และคณะผู้วิจัย มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอกรอบแนวคิด และแผนการดำเนินโครงการ ซึ่งมุ่งเน้นการศึกษาผลสัมฤทธิ์จากการใช้กฎหมาย พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม Ballroom A ชั้น 2 โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพมหานคร

การดำเนินโครงการฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาและข้อจำกัดในการบังคับใช้พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการบริหารจัดการที่ดินของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 และมาตรา 258 ที่กำหนดให้มีการประเมินและปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และการบริหารราชการแผ่นดิน โดยพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลใช้บังคับมาแล้ว 5 ปี ได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องมีการประเมินตามกฎหมายว่าด้วยการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติฯ ถือเป็นกฎหมายสำคัญที่มุ่งบูรณาการการบริหารจัดการที่ดิน ทั่วประเทศให้เป็นเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองที่ดิน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบกฎหมายที่คล่องตัว โปร่งใส เป็นธรรม และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ในทุกมิติ การดำเนินโครงการประเมินผลสัมฤทธิ์ในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย ต่อการปฎิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ ตอบสนองต่อประชาชนและสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน