สทนช. ร่วมประชุมติดตามข้อห่วงกังวลของไทย ในการประชุมระดับภูมิภาค เรื่อง การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วม ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง ปากลาย และหลวงพระบาง สปป. ลาว

เมื่อวันที่ 8 – 9 กรกฎาคม 2568 ดร. สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วย ดร. วินัย วังพิมูล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่วมประชุมระดับภูมิภาค เรื่อง การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วม (JAP) ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง ปากลาย และหลวงพระบาง สปป. ลาว เพื่อติดตามการดำเนินงานตามข้อห่วงกังวลของไทย และรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินการของผู้พัฒนาโครงการฯ ทั้งสามโครงการ รวมถึงปรึกษาหารือและให้ข้อเสนอแนะการดำเนินงานเพิ่มเติม

ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากประเทศสมาชิกแม่น้ำโขง (กัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม) เข้าร่วมด้วย โดยมีผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) นำเสนอภาพรวมของการดำเนินการตาม JAP ของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำทั้งสามโครงการ และผู้พัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำแต่ละรายได้นำเสนอภาพรวมความก้าวหน้าและสถานะปัจจุบันของแต่ละโครงการ รวมถึงการศึกษาทบทวน ปรับปรุงแก้ไขการออกแบบโครงการฯ ให้สอดคล้องตามข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะของประเทศสมาชิกที่กำหนดไว้ตาม JAP

เลขาธิการ สทนช. ได้เน้นย้ำข้อห่วงกังวลของประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบข้ามพรมแดนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของแต่ละโครงการ โดยมีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญจาก MRCS ที่ได้ให้ข้อคิดเห็นเชิงเทคนิคในการดำเนินงานตาม JAP ไว้แล้ว นอกจากนี้ ยังได้เสนอข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในการดำเนินงานตาม JAP อาทิ การศึกษาในประเด็นด้านอุทกวิทยา ด้านคุณภาพน้ำและตะกอน รวมถึงทางปลาผ่าน ช่องทางการเดินเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานและแนวทางที่ MRCS กำหนดไว้ และการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนในแม่น้ำโขงในรูปแบบเขื่อนขั้นบันได ซึ่งจะต้องมีการประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อลดผลกระทบแบบสะสมรวมด้วย ยิ่งกว่านั้น ได้เสนอให้ผู้พัฒนาโครงการฯ โดยเฉพาะโครงการเขื่อนปากแบง ให้พิจารณาประเด็นเรื่องคุณภาพน้ำที่เกี่ยวข้องกับสารปนเปื้อนในน้ำ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งมีชีวิตในน้ำ รวมถึงเสนอให้พิจารณาประเด็นความปลอดภัยของเขื่อน จากกรณีแผ่นดินไหวที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ และมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีกบ่อยครั้งและมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

“การดำเนินการในลำดับถัดไป MRCS จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาวและผู้พัฒนาโครงการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับปรุงรายงานการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน แบ่งปันข้อมูลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และดำเนินการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมร่วมกัน รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลผ่านระบบฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อการบริหารจัดการร่วมกันต่อไปในอนาคต” ดร. สุรสีห์ฯ เลขาธิการ สทนช. กล่าวทิ้งท้าย