“อนุทิน-สาธิต” มอบนโยบาย ปี 63 “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง ทำให้เศรษฐกิจประเทศแข็งแรง”

กระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายปี 2563 ให้งานสาธารณสุขเป็นรากฐาน ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ พร้อมเน้นย้ำสถานบริการทุกแห่งต้องมีมาตรฐานบริการ ประชาชนมีความสุข พึงพอใจ ให้ลดขั้นตอนบริการ ทำทุกอย่างให้รวดเร็วขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมาย “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง เศรษฐกิจประเทศแข็งแรง”

วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมชี้แจงผลการดำเนินงานและมอบนโยบายการทำงานปีงบประมาณ 2563 แก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดทั่วประเทศ กว่า 1,000 คน

นายอนุทิน กล่าวว่า นโยบายที่มอบให้กระทรวงสาธารณสุข คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง เศรษฐกิจไทยแข็งแรง งานของกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่เพียงดูแลเรื่องสังคม แต่เกี่ยวพันกับเรื่องเศรษฐกิจด้วย ถ้าคนไทยแข็งแรง จะช่วยประหยัดงบเรื่องสุขภาพได้มาก มีกำลังเดินหน้าเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  ต้องชื่นชมผลจากการทำงาน ทำให้งานสาธารณสุขเป็นที่ยอมรับระดับโลก ทำให้งานบริการด้านสาธารณสุขไทยยอดเยี่ยมแซงหน้าหลายชาติไปแล้ว จึงต้องเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น ขออย่าหยุดการพัฒนาตัวเอง สถานบริการสาธารณสุขทั่วประเทศต้องมีมาตรฐานเหมือนกันเป็นพื้นฐาน ส่วนที่ทำได้เกินถือว่าเป็นความสามารถทักษะในเชิงการบริหาร แต่อย่างน้อยต้องมีมาตรฐานในระดับที่ทำให้ประชาชนผู้รับบริการพึงพอใจ ขอให้สถานบริการกระชับขั้นตอนการให้บริการ ให้รวดเร็ว ลดความแออัด ลดเวลารอคอย สร้างความสุขความพอใจให้ประชาชนผู้รับบริการ ซึ่งจะช่วยลดการตำหนิติเตียนหรือวิพากษ์วิจารณ์

“ผมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับบุคลากรทุกท่าน   และแน่นอนว่า เราไม่สามารถทำให้คน 70 ล้านคนพอใจได้ทั้งหมด จึงอาจมีเสียงวิจารณ์ออกมาบ้าง แต่อย่าท้อแท้ เพราะเชื่อว่าท่านทำเต็มที่ ผมไม่มีคำตำหนิใดๆกับการทำงานของพวกท่านชื่นชมทุกอย่าง ต้องขอบคุณทุกท่านที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำงานดูแลสุขภาพประชาชน”  นายอนุทิน กล่าว

สำหรับในปีงบประมาณ 2563 นี้  เน้นการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้มอบนโยบายให้ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนใน 5 ประเด็น คือ 1.พัฒนางานสาธารณสุขตามแนวพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2.ให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกาย ใจ และมีความมั่นคงทางสุขภาพ 3.ให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ลดความแออัด ลดเหลื่อมล้ำ ลดรอคอย และลดภาระค่าใช้จ่าย 4.ผลักดันการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข และ5.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

ด้าน ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สุขภาพประชาชนเป็นพื้นฐานการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจที่มั่นคง การสาธารณสุขที่ประสบความสำเร็จจะช่วยให้ประเทศประสบความสำเร็จด้วย  ทั้งนี้ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไว้วางใจมอบให้ดูแล 4 กรมใหญ่ คือกรมอนามัย กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกรมสุขภาพจิต ในปี 2563 นี้ จะเน้นการดำเนินงานที่สำคัญ 6ด้าน ได้แก่ การดูแลด้านสุขภาพจิต จัดระบบสายด่วนให้ความรู้ ลดปัญหาการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นรายวันให้ได้  ความสะอาดของอาหารริมบาทวิถี การออกกำลังกายลดโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง การดูแลเด็กปฐมวัย  การวางแผนกำลังคนด้านสาธารณสุข นำร่องในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร โดยเฉพาะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)

ทางด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบายเร่งรัดของผู้บริหารไว้ 10 ประเด็น คือ 1.การส่งเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัย มุ่งเน้นในกลุ่มวัยแม่และเด็ก ผู้สูงอายุ การเสริมสร้างความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และการออกกำลังกาย 2. การควบคุมป้องกันวัณโรค เน้นความครอบคลุมในการค้นหา และเพิ่มอัตราความสำเร็จการรักษาผู้ป่วยวัณโรคปอดรายใหม่ 3. การจัดการภัยคุกคามความมั่นคงทางสุขภาพ เร่งรัดการยุติการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่อันตรายต่อสุขภาพ และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 4.การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ 5.การลดแออัด ลดรอคอยในโรงพยาบาล โดยการเพิ่มการให้บริการใน PCC เขตเมือง การรับยาที่ร้านขายยา การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาห้องฉุกเฉินคุณภาพ 6.การจัดการโรคหลอดเลือดสมองและโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 7.การเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ อย่างทั่วถึง มีคุณภาพและปลอดภัย 8.การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อเศรษฐกิจ สนับสนุนการใช้สมุนไพรไทย พัฒนาเป็น Medical Hub 9.การพัฒนาองค์กรสู่องค์กรคุณภาพ และการพัฒนาสู่องค์กรแห่งความสุขในหน่วยงานทุกระดับ 10. การพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของเขตสุขภาพ