สทนช. ลงพื้นที่หนองคาย ติดตามความพร้อมรับมือฤดูฝน 68 เตรียมตั้งศูนย์ฯ ส่วนหน้า บูรณาการทุกจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย 1 ใน 4 จังหวัดริมแม่น้ำโขงที่คาดว่าน้ำโขงจะล้นตลิ่ง ย้ำทุกหน่วยเตรียมพร้อมตั้งรับฝนชุกและน้ำโขงล้นตลิ่งช่วง ก.ค. – ก.ย. เล็งตั้งศูนย์ฯ ส่วนหน้าที่หนองคาย เพื่อบริหารจัดการน้ำในภาพรวมพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ มุ่งลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดหนองคาย โดยมี นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระใส ศาลากลางจังหวัดหนองคาย หลังจากนั้น ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณจุดเสี่ยงอุทกภัยบริเวณพระธาตุหล้าหนอง อำเภอเมืองหนองคาย และประตูระบายน้ำห้วยโมง อำเภอท่าบ่อ

เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เป็นการติดตามสถานการณ์น้ำเพื่อเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร นครพนม บึงกาฬ และหนองคาย ซึ่งเป็นจังหวัดพื้นที่ต้นน้ำและจังหวัดที่อยู่ติดแม่น้ำโขง โดยมุ่งเน้นการติดตามผลการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ สืบเนื่องจากการที่ สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้รับการประสานจากสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ว่าจากการคาดการณ์และประเมินสถานการณ์พบว่า ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและล้นตลิ่งทั้งในพื้นที่ประเทศไทย สปป.ลาว รวมถึงบางพื้นที่ของประเทศกัมพูชา โดยประเทศไทยจะมีผลกระทบในพื้นที่ริมแม่น้ำโขง 4 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร  ซึ่ง สทนช. ได้รายงานข้อมูลดังกล่าวต่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงหรือเทียบเท่า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยและสั่งการให้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรองรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบผลกระทบและเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ สทนช. ได้ดำเนินการคู่ขนานในการหารือร่วมกับ สปป.ลาว โดยมี MRCS เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเจรจาในการคาดการณ์สถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการน้ำร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อลดระดับน้ำริมแม่น้ำโขงให้ได้มากที่สุด โดยจะมีการประชุมหารืออีกครั้งในวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ สทนช. จะรีบประสานแจ้งให้จังหวัดที่ได้รับผลกระทบได้รับทราบข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบต่อไป

สำหรับสถานการณ์น้ำของจังหวัดหนองคาย จากการบูรณาการร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณฝน ONE MAP พบว่า ช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน มีแนวโน้มปริมาณฝนตกสะสมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในขณะที่อ่างเก็บน้ำของจังหวัดหนองคาย 1,406 แห่ง ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 47.43 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 60% ของความจุเก็บกัก โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ อ่างฯ ห้วยบังพวน อ่างฯ ห้วยทอน(ตอนบน) อ่างฯ ห้วยเปลวเงือก อ่างฯ ห้วยหินแก้ว และ อ่างฯ ห้วยไฮ มีปริมาตรน้ำรวมเฉลี่ย 50.25% ของความจุเก็บกัก ในภาพรวมยังคงมีพื้นที่รองรับปริมาณฝนได้ นอกจากนี้ ได้คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย (น้ำหลาก) ช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม เพื่อเฝ้าระวังและเตรียมการรองรับล่วงหน้าในพื้นที่อำเภอต่างๆ ได้แก่ อำเภอเฝ้าไร่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอโพนพิสัย อำเภอโพธิ์ตาก อำเภอท่าบ่อ อำเภอรัตนวาปี อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสระใคร และอำเภอสังคม

“จากการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารส่วนราชการในวันนี้ พบว่าจังหวัดหนองคายมีการดำเนินตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568  ไว้อย่างเข้มแข็ง ได้แก่ การติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง การสำรวจความพร้อมอาคารชลศาสตร์ โทรมาตร เครื่องจักร เครื่องมือ การเตรียมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง การตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำ การตรวจสอบประสิทธิภาพทางระบายน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ การซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ เป็นต้น  และจากการลงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยแต่ละจุด ได้เสนอให้เตรียมการเพิ่มเติม ได้แก่ ให้เทศบาลเมืองหนองคายเตรียมแนวป้องกันน้ำล้นตลิ่งชั่วคราวหรือกระสอบทรายในพื้นที่ต่ำบริเวณชุมชน เตรียมการอุดท่อระบายน้ำทิ้งป้องกันน้ำไหลเข้าพื้นที่บ้านเรือน ให้กรมชลประทานเร่งพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยโมงให้อยู่ในเกณฑ์ระดับน้ำควบคุมต่ำสุด และเร่งระบายน้ำห้วยโมงผ่านประตูระบายน้ำห้วยโมงซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำโขงให้มีระดับน้ำต่ำสุด และเพิ่มการวางแผนพร่องน้ำออกจากแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณน้ำก่อนที่ระดับน้ำแม่น้ำโขงจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. ด้วย นอกจากนี้ สทนช. ได้เตรียมตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นศูนย์กลางบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการร่วมกันในพื้นที่เสี่ยงทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อุดรธานี และสกลนคร โดยจะมีการประเมินสถานการณ์น้ำเป็นรายวัน การจัดทำข้อมูลแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนผ่านการสื่อสารของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องผ่านประชาสัมพันธ์จังหวัดร่วมกับสื่อมวลชนท้องถิ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานภาครัฐโดยตรง เพื่อป้องกันการเผยแพร่ข่าวลวงและสร้างความตื่นตระหนก โดยขอให้เชื่อมั่นว่าหน่วยงานภาครัฐจะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำและรับมือฤดูฝนนี้ได้อย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย