วันที่ 24 มิถุนายน 2568 นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะหัวหน้าผู้แทนฝ่ายไทย ร่วมกับผู้แทนประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) ได้แก่ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ร่วมการประชุมหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 13 (The 13th Informal Development Partners Meeting: IDM) โดยมีประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาหลายประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong Commission Secretariat: MRCS) เข้าร่วมด้วย ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน จังหวัดเชียงราย
โดยรองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามความก้าวหน้าในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อาทิ ความก้าวหน้าในการจัดทำแผนกลยุทธ์ MRC (MRC Strategic Plan) ฉบับใหม่ สำหรับปี ค.ศ. 2026-2030 ซึ่งเป็นแผนกลยุทธ์ขององค์กรแบบบูรณาการที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำ (Basin Development Strategy) ปี ค.ศ. 2021-2030 เพื่อยกระดับบทบาท MRC ให้เป็นเวทีความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดนและการพัฒนาลุ่มน้ำในระดับภูมิภาคที่มีความโดดเด่น ท่ามกลางความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้น โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรในการพึ่งพาตนเองด้านการเงินหลัง ค.ศ. 2030 รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าในกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การศึกษาร่วมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอุทกวิทยาในลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง การดำเนินงานด้านการวางแผนเชิงรุกในระดับภูมิภาค การดำเนินงานตามกระบวนการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง (PNPCA) แผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) และการปรับปรุงแนวทางด้านเทคนิคของระเบียบปฏิบัติ PNPCA
นอกจากนี้ MRCS ยังได้รายงานสภาพอุทก-อุตุนิยมวิทยาและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 -พฤษภาคม 2568 เพื่อติดตามคุณภาพน้ำของแม่น้ำโขง โดย สทนช. ได้เน้นย้ำเรื่องผลกระทบคุณภาพน้ำข้ามพรมแดน ที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญเกี่ยวปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่ง สทนช. ได้ประสานกับ MRCS อย่างต่อเนื่องเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากรณีลุ่มน้ำกก โดยขอให้ MRCS ประสานหารือกับเมียนมาโดยเร็ว ในการติดตามตรวจวัดคุณภาพน้ำร่วมกัน รวมถึงการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้า (Early Warning) ตลอดจนร่วมกันกำหนดมาตรการในการบรรเทาและแก้ไขปัญหา และการคาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงในช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม ปีนี้ ที่มีแนวโน้มสูงล้นตลิ่ง โดยมีสภาพคล้ายคลึงกับปีที่ผ่านมา ซึ่ง สทนช. ได้หยิบยกประเด็นที่ได้หารือผ่านคณะทำงานเฉพาะกิจ (Ad Hoc for Joint Flood Management and Hydropower Coordination) รวมถึงกำหนดแผนในการติดตามและคาดการณ์ระดับน้ำโขงเพื่อเตรียมมาตรการป้องกันสถานการณ์อุทกภัย ร่วมกันกับ สปป.ลาว
ยิ่งกว่านั้น ประเทศไทยได้ผลักดันให้ MRCS เร่งดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนแม่น้ำโขงเพื่อส่งเสริมชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศในลุ่มน้ำโขง (Ecosystem Window of Mekong Fund Trial) ให้สามารถเริ่มปฏิบัติได้ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย รวมทั้งประเทศสมาชิกด้วย ทั้งนี้ ทุกประเทศสมาชิกได้ร่วมกันให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน และลดผลกระทบข้ามพรมแดน