เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และคณะผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาคลองเปรมประชากร ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างการรถไฟฯ และหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ริมคลอง พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พื้นที่สาธารณะอย่างเป็นระบบและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสายพัฒนาคูน้ำริมถนนวิภาวดีรังสิต ณ ห้องประชุมแขวงทางหลวงกรุงเทพ สำนักทางหลวงที่ 13 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดปัญหาน้ำท่วมขัง และส่งเสริมระบบสาธารณูปโภคในแนวเส้นทางสำคัญด้วย
จากนั้น ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณใต้สถานีรถไฟชานเมืองสายสีแดง สถานีดอนเมือง เพื่อวางแนวทางจัดระเบียบพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยสั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของคนในชุมชน ตรวจสอบและเร่งซ่อมแซมระบบไฟฟ้าส่องสว่างใต้สถานีให้สว่างมากขึ้น เพื่อความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืนให้กับประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว การปิดรั้วข้ามทางรถไฟที่เชื่อมต่อไปยังฝั่งถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง การจัดระเบียบพื้นที่จอดรถให้เป็นระบบ รองรับการใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสั่งการให้เร่งติดตั้งป้ายห้ามจอดรถเป็นเวลานานในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือจอดรถค้างคืน ทั้งนี้ หากพบการฝ่าฝืน จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
สำหรับร้านค้าในบริเวณพื้นที่ของการรถไฟฯ ที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้สั่งการให้เร่งจัดระเบียบให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยเร็ว รวมทั้ง จะประสานกรมธนารักษ์เพื่อขอใช้พื้นที่บางส่วนที่อยู่ใกล้กับสถานีดอนเมือง ในการสร้างบันไดเชื่อมต่อระหว่างชุมชนและตัวสถานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนด้วย นอกจากนี้ การรถไฟฯ จะร่วมมือกับ กทม. ในการจัดระเบียบวินจักรยานยนต์รับจ้าง Grab Taxi และระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ รวมทั้ง การซ่อมแซมผิวถนนที่เป็นคลื่นในพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 6 ที่การรถไฟฯ ได้ส่งมอบพื้นที่ถนนบริเวณดังกล่าวฯ ให้กับ กทม. ไปแล้ว
นายวีริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นความมุ่งมั่นของการรถไฟฯ ที่ต้องการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมให้ทันสมัย ปลอดภัย และสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนโดยรอบ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ “Big Cleaning Day บางซื่อร่วมใจ รวมพลังคนไทย คืนพื้นที่สะอาดเพื่อประชาชน” โดยร่วมกันทำความสะอาดบริเวณสถานีชุมทางบางซื่อ จนถึงอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟสายใต้มาแล้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยืนยันว่า การรถไฟฯ ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงภูมิทัศน์และการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบสถานีอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการอีกด้วย
“การรถไฟฯ จะประสานงานกับสำนักงานเขตของ กทม. กรมธนารักษ์ และสถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อบูรณาการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในขณะที่พื้นที่จอดรถบริเวณใต้อาคารสถานีดอนเมืองนั้น ต้องเร่งจัดระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดง ไม่ใช่ใครที่ไหนก็มาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้จนกระทบกับประชาชนที่มาใช้บริการจริงๆ” นายวีริศ กล่าวทิ้งท้าย
ที่ผ่านมา การรถไฟฯ เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์ในหลายพื้นที่ของการรถไฟฯ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดระเบียบบริเวณรอบสถานีขนส่งหมอชิต 2 รวมถึงการจัดกิจกรรมจิตอาสา “Big Cleaning Day บางซื่อร่วมใจ รวมพลังคนไทย คืนพื้นที่สะอาดเพื่อประชาชน” โดยระดมพนักงานและจิตอาสาช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดบริเวณสถานีชุมทางบางซื่อ จนถึงอุโมงค์ลอดทางรถไฟสายใต้ และมีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของการรถไฟฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อปกป้องทรัพย์สินและรักษาผลประโยชน์ของการรถไฟฯ อย่างเต็มที่ รวมถึงลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะอย่างยั่งยืน