สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 12 มิ.ย. 68 เวลา 7.00 น.

1. ปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.อุตรดิตถ์ (127 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.สกลนคร (110 มม.) ภาคตะวันตก : จ.เพชรบุรี (21 มม.) ภาคกลาง : จ.ปทุมธานี (3 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (199 มม.) ภาคใต้ : จ.ชุมพร (119 มม.)

วันนี้ : ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 13 – 17 มิ.ย. 68 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง-ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนบางพื้นที่ และยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 14–15 มิ.ย. 68 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย

2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 56% ของความจุเก็บกัก (45,109 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 36% (20,992 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที

3. ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ : ประกาศสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2568 ลงวันที่ 10 มิ.ย. 68
เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและน้ำเค็มรุกล้ำ ในวันที่ 12 – 17 มิ.ย. 68 ดังนี้

3.1 อิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ รวมถึงร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นและอาจไหลเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ)

3.2 เฝ้าระวังน้ำเค็มรุกล้ำส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร
จึงขอให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและน้ำเค็มรุกล้ำในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม

4. การให้ความช่วยเหลือ : สทนช. ติดตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาด้านน้ำ ดังนี้

กรมชลประทาน ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบไฮดรอลิค จำนวน 2 เครื่อง ณ ประตูระบายน้ำห้วยหลวง ต.วัดหลวง.อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำท่วมฉับพลันในสถานการณ์ฤดูฝน ปี 2568

กรมทรัพยากรน้ำ ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 1 เครื่อง บริเวณโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย ม.7 ต.นครไทย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน

5. คุณภาพน้ำ ณ จุดเฝ้าระวัง แม่น้ำสายหลัก
น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน