นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาร่วมกับจังหวัดบึงกาฬ กรมการท่องเที่ยว กรมประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนจังหวัด ฯลฯ รวมทั้งหน่วยงานในพื้นที่ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินนโยบายขับเคลื่อน Soft Power ส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยจัดกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา ภายใต้หัวข้อ “เส้นทางความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง : เส้นทางตามรอยนาคา ดินแดนมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง” ในวันที่ 12 – 13 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดบึงกาฬ โดยมีพิธีเปิด “เส้นทางตามรอยนาคา ดินแดนมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ” ในวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เวลา 17.30 น. โดยมี นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสำรวย นักการเรียน ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายขัตติยา ชัยมณี วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัด 19 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดบึงกาฬ โดยเยี่ยมชมนิทรรศการชุมชนคุณธรรมต้นแบบ วัดศิริมงคลวราราม อำเภอบึงโขงหลง ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.) ต้นแบบ วัดอรัญญานี อำเภอพรเจริญ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม รับประทานอาหารเย็นในรูปแบบ “พาแลง” กับเมนูอร่อย เมนูห้ามพลาด และรสชาติที่หายไป ในส่วนของวันที่ 13 มิถุนายน 2568 จะเดินทางไปยัง “ถ้ำนาคา” อุทยานแห่งชาติภูลังกา อำเภอโขงหลง เพื่อเปิดเส้นทาง และร่วมหารือแนวทางการพัฒนาต่อยอดเส้นทางตามรอยนาคา ดินแดนมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ โดยถ้ำนาคาเป็นถ้ำหินทรายอายุ 70 ล้านปี ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ทำให้หินเกิดการแตกตัวเป็นลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค เรียกว่า “ซันแครก” เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของพญานาค ผู้คนนิยมกราบไหว้ขอพร เรื่อง โชคลาภและการงาน ซึ่งสังคมไทยมีคติความเชื่อที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับนาคมาอย่างยาวนาน มีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิต สะท้อนถึงตำนานและความเชื่อมาแต่อดีต สื่อออกมาผ่านทางขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปวัฒนธรรม พิธีกรรมต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน และเยี่ยมชมสถานที่สำคัญระหว่างเส้นทาง อาทิ จุดเช็คอิน “ถ้ำนาคา” ไหว้เจดีย์หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ชมวิว “ผาใจขาด” และไหว้เจดีย์หลวงปู่วัง ฐิติโร ฯลฯ
ทั้งนี้ “เส้นทางตามรอยนาคา ดินแดนมหัศจรรย์แห่งลุ่มแม่น้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ” ยังประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญ อีกจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1. วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในมิติทางศาสนาผสมผสานกับการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากได้เดินชมทิวทัศน์ทางธรรมชาติ 360 องศาแล้ว ยังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเยี่ยมชมพระเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ และเจดีย์พิพิธภัณฑ์มรรค 8 กลางสระน้ำ 2. ป่านันทนาการหินสามวาฬ ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ เยี่ยมชมเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีก้อนหินขนาดใหญ่สามก้อน เรียงตัวกันคล้ายครอบครัวปลาวาฬสามตัว อายุประมาณ 75 ล้านปี และเป็นจุดชมแสงสีทองของพระอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านสายหมอก 3. ชุมชนวัดศรีสามัคคีธรรม (วัดนาคกี้) ตำบลศรีวิไล อำเภอศรีวิไล สถานที่จัดแสดงเรื่องราวและวัตถุที่เกี่ยวข้องกับนาคกี้ ประติมากรรมพญานาคสร้างสรรค์ร่วมสมัย พญานาคน้อยใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของจังหวัด 4. ตำหนักเจ้าปู่อือลือนาคราช ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง สถานที่ที่มีตำนานพญานาค “เจ้าปู่อือลือนาคราช” ได้รับการสาปให้กลายเป็นนาคเฝ้าบึงโขงหลง สักการะขอพร เรื่อง การงาน การเงิน โชคลาภ และความปลอดภัย
โครงการจาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา เป็นโครงการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ (Spiritual Tourism) ในปี 2568 กรมการศาสนาร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการดำเนินงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงมิติศาสนา จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่ 1) เส้นทางสักการะพระบรมธาตุ 2) เส้นทางตามรอยพระเถราจารย์ 3) เส้นทางตามรอยความเชื่อความศรัทธาแห่งลุ่มแม่น้ำโขง และ 4) เส้นทางในมิติศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน เกิดการเรียนรู้หลักธรรมคำสอนทางศาสนาผ่านการท่องเที่ยวศาสนสถานสำคัญและวิถีวัฒนธรรมในพื้นที่ ให้วัด ศาสนสถาน เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนา ศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงความเชื่อ และประวัติศาสตร์ที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในชุมชนบนฐานของมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม
นอกจากนี้ ยังมีตำนานปรากฏต่างๆ เช่น ตำนานแห่งการสร้างบ้านแปงเมืองที่เล่าขานสืบมา สันนิษฐานว่านาคอาจจะเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมที่มีถิ่นฐานอยู่ในเขตหนองแสทางตอนใต้ของมณฑลยูนนาน ต่อมาได้เคลื่อนย้ายอพยพลงมาตามลำน้ำโขง และตั้งหลักแหล่งอยู่อาศัยตามลุ่มน้ำสองฝั่งโขงจนถึงทุกวันนี้ เหตุนี้จึงมีความเชื่อว่า นาคเป็นบรรพชนที่คุ้มครองรักษาบ้านเมืองให้มีความร่มเย็นเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง เพราะนาคเป็นผู้บันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันหากมนุษย์เบียดเบียนธรรมชาติ นาคก็อาจดลบันดาลให้เกิดภัยพิบัติถึงบ้านเมืองล่มจมได้เช่นกัน และตำนานผู้คุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งมีเรื่องราวของนาคปรากฏในนิบาตชาดกหลายเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพญานาค 3 เรื่อง คือ ทัททรชาดก จัมเปยชาดก และภูริทัตชาดก ต่อมาหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เสด็จไปประทับบำเพ็ญสมาบัติเสวยวิมุติสุข ณ ร่มไม้จิก เป็นเวลา 7 วัน เกิดเหตุการณ์ฝนตกอยู่ไม่ขาดสาย พญามุจลินทร์นาคราชจึงได้ออกจากนาคพิภพ เพื่อปกป้องการบำเพ็ญสมาธิของพระพุทธองค์ โดยทำขนดล้อมพระวรกาย 7 ชั้น แล้วแผ่พังพานบังฝนถวายด้วยประสงค์มิให้ฝนและลมหนาวต้องพระวรกาย การกระทำของพญามุจลินทร์นาคราชครั้งนี้ นับว่าเป็นผู้ประเสริฐทั้งกายและใจ จึงเป็นที่มาของการจัดสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรกในเวลาต่อมา นอกจากนี้ เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปเทศนาโปรดพระพุทธมารดาแล้ว ครั้งนั้นพญานาคได้ทอดกายเป็นบันไดนาคให้พระพุทธองค์เสด็จลงสู่โลกมนุษย์ จึงเป็นที่มาของความเชื่อว่าบันไดนาคเป็นทางเชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลกมนุษย์ ดังนั้น เพื่อรำลึกถึงคุณความดีของนาคที่มีความมุ่งมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงปรากฏงานศิลปกรรมอันงดงามเกี่ยวเนื่องกับนาคในพระอารามต่างๆ เช่น นาคที่หน้าบัน ซุ้มประตูนาคหรือบันไดนาค เป็นต้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมสู่ทุนทางเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมให้มีการนำทุนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมเสริมสร้างคุณค่าทางสังคมควบคู่กับการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรม ความเชื่อทางพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมศักยภาพวัด ศาสนสถาน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม เป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที และรวมพลังขับเคลื่อนพลังสร้างสรรค์ ต่อยอดทุน ทรัพยากรทางวัฒนธรรมที่มีอยู่อย่างหลากหลาย สู่ทุนทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง นำพาประเทศสู่ความยั่งยืนสืบไป ///