กรมทะเล จัดกิจกรรมวันทะเลโลก 2568 ชูแนวคิด ”Sustaining What Sustains Us ดูแลทะเลที่หล่อเลี้ยงเรา“ จุดประกายจิตสำนึกรักษ์ทะเลไทย

วันที่ 8 มิถุนายน 2568 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดกิจกรรมวันทะเลโลก (World Oceans Day) ภายใต้กรอบแนวคิด “Wonder: Sustaining What Sustains Us ดูแลทะเลที่หล่อเลี้ยงเรา“ พร้อมทั้งจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือชาวเกาะว่าด้วย การลด/เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) หลอดพลาสติก และโฟม โดยทำพิธีส่งสัญญาณข้ามเกาะ (เป่าหวูด) จากเกาะช้าง ประกาศเริ่มเก็บขยะชายหาด ป่าชายเลนและในแนวปะการังอย่างพร้อมเพรียงกัน ของชาวเกาะกว่า 30 แห่ง ภายใต้โครงการ 30+Islands Clean Up: So Cool Mission 2025 จากอาสาสมัครชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมี นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงาน และมีนายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวรายงานความเป็นมา นายจักรกฤชณ์ สลักเพชร นายกเทศมนตรีตำบลเกาะช้างใต้ กล่าวต้อนรับ ร่วมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กรม ทช. ส่วนราชการในพื้นที่ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ อัยยะปุระ รีสอร์ท เกาะช้าง จังหวัดตราด ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงการมอบเงินสนับสนุน และชุดอุปกรณ์เก็บขยะชายหาดจากวัสดุรีไซเคิลจากขยะท้องทะเลจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า วันทะเลโลกปีนี้ กำหนดภายใต้กรอบแนวคิด “Sustaining What Sustains Us ดูแลทะเลที่หล่อเลี้ยงเรา“ เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของมหาสมุทรที่เอื้อประโยชน์กับมนุษย์และกระตุ้นจิตสำนึกให้ทุกคนหันมาใส่ใจและร่วมอนุรักษ์ท้องทะเลและมหาสมุทรที่เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของโลกและมวลมนุษยชาติ เพราะมหาสมุทรเป็นทั้งแหล่งอาหาร ฐานทรัพยากรเพื่อการพัฒนา เศรษฐกิจ แหล่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ แหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติ ที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์น้อยใหญ่ เส้นทางการขนส่งและคมนาคมที่สำคัญของมนุษย์ แต่ปัจจุบันสิ่งที่พบเห็นนอกจากทรัพยากรใต้ท้องทะเลที่สวยงามแล้ว ยังมีขยะประเภทต่าง ๆ ที่ทำลายความงดงามและก่อมลพิษ รวมไปถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตา เช่น ไมโครพลาสติก สารพิษตกค้างปนเปื้อนในน้ำและสัตว์ทะเล เป็นต้น และจากการศึกษาการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล พบว่า ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 4.7 มิลลิเมตรต่อปี ขณะที่ไทยมีถึง 5.8 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วม และปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ดังนั้น อยากขอความร่วมมือทุกคน มาช่วยกัน “เปลี่ยน” เปลี่ยนทะเลที่เต็มไปด้วยมลพิษ ให้เป็นทะเลที่เต็มไปด้วยทรัพยากร เปลี่ยนการทำประมงอย่างกอบโกย เป็นการทำประมงอย่างรับผิดชอบ เปลี่ยนจากการใช้พลาสติก เป็นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนจากการท่องเที่ยวไร้ขอบเขต เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเปลี่ยนจากการผลักภาระให้ใครคนใดคนหนึ่ง เป็นการมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน ให้การรวมพลังของพวกเราทุกคนในวันนี้ เป็นจุดเริ่มในการ “เปลี่ยน” วิกฤต สู่โอกาสแห่งความยั่งยืนของท้องทะเลไทย

สำหรับโครงการ 30+Islands Clean Up: So Cool Mission 2025 ที่จัดขึ้นพร้อมกันทั้ง 30 เกาะนี้ เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรณรงค์และส่งเสริมการบริหารจัดการขยะบนเกาะแบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพ โดยจัดกิจกรรมเก็บขยะไปแล้ว 12 เกาะ ได้แก่ เกาะกระดาน เกาะลิบง เกาะสุกร จังหวัดตรัง เกาะคณฑี เกาะปู เกาะจัม เกาะพีพี เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เกาะปันหยี เกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา และเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ซึ่งขยะที่เก็บได้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบหรือเผาทำลาย อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการกำจัดขยะ ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นการนำหลักการของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงาน เพื่อรณรงค์และส่งเสริมหลักการขยายความรับผิดชอบไปยังผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility: EPR) ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม การสร้างความตระหนักรู้เรื่องผลกระทบของขยะทะเลต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศเกาะให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นับเป็นอีกหนึ่งกลไกในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการขยะทะเล เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการขยะทะเลอย่างยั่งยืนต่อไป