วันที่ 2 มิถุนายน 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับรายงานจากนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 เห็นชอบให้นำเสนอ “วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช” เป็นแหล่งมรดกโลก นั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ได้รับการประสานงานจากสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลกด้านวัฒนธรรม แจ้งให้ทราบว่าจะจัดส่งผู้เชี่ยวชาญ เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อทำการประเมินความเป็นไปได้ในการนำเสนอวัดพระมหาธาตุฯ เพื่อขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก ซึ่งทาง สผ. จะได้หารือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการต้อนรับผู้เชี่ยวชาญในการลงตรวจประเมินพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการตรวจประเมินพื้นที่ของผู้เชี่ยวชาญในครี้งนี้ จะสำรวจพื้นที่วัดพระมหาธาตุฯ ตามที่ประเทศไทยขอเสนอ ขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม พร้อมกับสำรวจพื้นที่กันชนบริเวณโดยรอบ ตลอดจนเข้าร่วมการประชุมหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ภาครัฐ เอกชน ประชาชน และสภาบันการศึกษา เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกในลำดับถัดไป
โดยการนำเสนอวัดพระมหาธาตุฯ เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ประเทศไทยได้นำเสนอภายใต้หลักเกณฑ์คุณค่าความโดดเด่นเรื่องความหลากหลายทางศาสนา ความต่อเนื่องทางจิตวิญญาณ และองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนถึงอิทธิพลทางศาสนาและรูปแบบศิลปะจากศาสนาฮินดู พุทธศาสนามหายาน และพุทธศาสนาเถรวาท ที่ได้รับการถ่ายทอดทั่วทั้งตอนใต้ของเอเชียภาคพื้นสมุทรมาเป็นเวลาประมาณ 1,500 ปี รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของเมืองที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางของประเพณีที่ยังดำรงอยู่ด้วยระบบความเชื่อที่หลากหลาย ซึ่งได้ผสมผสานระหว่างความเชื่อพื้นเมืองดั้งเดิม ความเชื่อในศาสนาฮินดู และพุทธศาสนา เห็นได้จากการบูชา การทำบุญ และประเพณีประจำปี ที่เป็นเอกลักษณ์และยังสืบทอดอยู่ เช่น พิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุ การแสดงโนรา การบูชาบรรพบุรุษ พิธีพราหมณ์ งานศิลปะเฉพาะถิ่น และประเพณีท้องถิ่น
ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่การนำเสนอแหล่งมรดกโลกวัดพระมหาธาตุฯ มีความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกันเป็นเจ้าบ้านต้อนรับผู้เชี่ยวชาญที่จะมาตรวจประเมินในครั้งนี้ให้เกิดความประทับใจและเล็งเห็นถึงคุณค่าความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช และของภาคใต้