สทนช. ขับเคลื่อนบทบาทไทยบนเวทีนานาชาติ ร่วมผลักดันการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งและความมั่นคงด้านน้ำ

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย นำคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงการต่างประเทศและ สทนช. เข้าร่วมการประชุมนานาชาติระดับสูงว่าด้วยการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง (High-Level International Conference on Glacier Preservation) ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงดูชานเบ สาธารณรัฐทาจิกิสถาน ระหว่างวันที่ 29–31 พฤษภาคม 2568

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นตามมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่ได้ประกาศให้ปี ค.ศ. 2025 เป็นปีสากลแห่งการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง และกำหนดให้วันที่ 21 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันธารน้ำแข็งโลก” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของธารน้ำแข็งต่อระบบนิเวศและสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยมี ผู้แทนจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศ สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เข้าร่วม จำนวนมากกว่า 80 ประเทศ

ในโอกาสนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมใหญ่ (Plenary Session) โดยเน้นย้ำว่า แม้ประเทศไทยไม่มีธารน้ำแข็ง แต่ได้รับผลกระทบจากการละลายของธารน้ำแข็งผ่านภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น น้ำทะเลหนุนสูง และความไม่แน่นอนของระบบวัฏจักรน้ำ พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ควบคู่กับการขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ และแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ไทยยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือพหุภาคี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการสนับสนุนวิทยาศาสตร์ด้านธารน้ำแข็ง ผ่านกิจกรรมรณรงค์ระดับชาติเนื่องใน “วันน้ำโลก” เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” รวมถึงการสนับสนุน “ทศวรรษแห่งการขับเคลื่อนวิทยาศาสตร์ธารน้ำแข็ง” ระหว่างปี 2568–2577 พร้อมยืนยันความพร้อมของไทยในการร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ และธารน้ำแข็งของโลกอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ในช่วงการประชุมนานาชาติระดับสูงฯ คณะผู้แทนไทยยังได้เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนาน “ความมั่นคงด้านน้ำและความสามารถในการตั้งรับปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ : รับมือความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศสมาชิกการประชุมว่าด้วยปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia: CICA)”  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางและประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการน้ำท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยผู้แทน สทนช. ได้ร่วมกล่าวสุนทรพจน์นำเสนอแนวทางการบริหารจัดการน้ำของไทยที่มุ่งเน้นความยืดหยุ่นและยั่งยืนผ่านการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ ใน 22 ลุ่มน้ำหลัก และการส่งเสริมแนวทางการจัดการโดยอิงธรรมชาติ (Nature-based Solutions) ควบคู่กับการเสริมสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อยกระดับการปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างครอบคลุม

ในช่วงการประชุมฯ คณะผู้แทนไทยยังได้เข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนาน ได้แก่

– เวทีหารือระดับภูมิภาคเรื่องการเสริมสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำที่พึ่งพาธารน้ำแข็งในเอเชียกลาง (Forum 6: Enhancing Transboundary Cooperation for Water Sustainability and Climate Resilience in Glacier Dependent Basins of Central Asia) เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเน้นบทบาทของธารน้ำแข็งต่อความมั่นคงด้านน้ำ อาหาร พลังงาน และระบบนิเวศในเอเชียกลาง

– การประชุมรายสาขาเรื่องอันตรายจากธารน้ำแข็งและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Thematic Session 3: Glacial-related Hazards and Disaster Risk Reduction) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ซึ่งหารือความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น การละลายของทะเลสาบธารน้ำแข็ง และแนวทางพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าโดยเฉพาะในพื้นที่เปราะบาง

– การประชุมรายสาขาเรื่องการเงินด้านสภาพภูมิอากาศและการลงทุนเพื่อการอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง (Thematic Session 11: Climate Finance and Investment for Glacier Preservation and Adaptation) เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งมุ่งส่งเสริมการลงทุนระยะยาวและกลไกทางการเงินเพื่อรองรับผลกระทบจากการสูญเสียธารน้ำแข็งที่เริ่มรุนแรงจนบางพื้นที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ทั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือข้ามพรมแดน การจัดตั้งระบบเตือนภัย และการระดมทุนด้านสภาพภูมิอากาศในบริบทของธารน้ำแข็งอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทยยังได้มีโอกาสพบปะหารือกับประธานคณะกรรมาธิการด้านกีฬาและเยาวชน (Chair of Committee on Sport and Youth) ซึ่งได้แสดงความสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือกับประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญด้านกีฬาและบทบาทของเยาวชน การส่งเสริมจิตสำนึก การศึกษา ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในกลุ่มเยาวชนอย่างยั่งยืน

การประชุมนานาชาติระดับสูงเรื่องการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งยังได้เสนอ “ปฏิญญาดูชานเบว่าด้วยธารน้ำแข็ง” ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์สำคัญที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของประชาคมโลกในการผลักดันมาตรการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งในทุกระดับ เพื่อความมั่นคงทางสิ่งแวดล้อมของโลกในระยะยาว

“การเข้าร่วมประชุมนานาชาติครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยได้แสดงบทบาทเชิงรุกในเวทีโลกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีร่วมกับนานาประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายและเสริมสร้างศักยภาพของไทยในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น” เลขาธิการ สทนช. กล่าว