กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย กลุ่มประเทศสมาชิก องค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South-East Asia Region: SEAR) ประกาศสนับสนุน “ร่างยุทธศาสตร์โลก ด้านการแพทย์ดั้งเดิม พ.ศ. 2568-2577” ชู 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1) เสริมสร้างการแพทย์แผนดั้งเดิมบนหลักฐาน เชิงประจักษ์ 2) นวัตกรรมและสุขภาพดิจิทัลที่มีจริยธรรม 3) ปกป้ององค์ความรู้ทางการแพทย์ดั้งเดิม 4) สร้างกลไกติดตามและประเมินผล พร้อมเรียกร้อง WHO ส่งเสริม การวิจัยและปกป้องภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างยุทธศาสตร์โลกด้านการแพทย์ดั้งเดิม
นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในการประชุม สมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly) สมัยที่ 78 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 27 พฤษภาคม 2568 ณ สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (Palais des Nations) นครเจนีวา สหพันธรัฐสวิส สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้แทนของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้ง 11 ประเทศ กล่าวแถลงการณ์ “จุดยืนร่วมของภูมิภาค”เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ในวาระการประชุมที่ 13.8 ร่างยุทธศาสตร์โลกด้านการแพทย์ดั้งเดิม พ.ศ. 2568-2577 โดยมีผู้แทนจากประเทศสมาชิก 47 ประเทศกล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนร่างดังกล่าว พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้า อย่างมีนัยสำคัญในหลายมิติของการพัฒนาการแพทย์ดั้งเดิม ครอบคลุมทั้งกรอบนโยบาย กลไกการกับดูแล และการพัฒนา ทางวิชาการ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวิจัยและหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัย มาตรฐานคุณภาพ และประสิทธิผลของการแพทย์ดั้งเดิมสำหรับประชาชน
สำหรับประเทศไทย สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสากลสำหรับผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบวิชาชีพ พร้อมเรียกร้องให้มีความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายต่างๆ และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือข้ามภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง โดย กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้เชื่อมโยงมิติด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อการอนุรักษ์สมุนไพร พื้นถิ่นและการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ “สุขภาพหนึ่งเดียว” (One Health) อย่างชัดเจน ปัจจุบัน ประเทศไทยได้บรรจุยาสมุนไพร 123 รายการและบริการทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เช่น นวดไทย เข้าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ และร่วมมือนำยุทธศาสตร์นี้ไปปฏิบัติเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืน
นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เสนอข้อเรียกร้องสำคัญ 4 ประการ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างยุทธศาสตร์โลกด้านการแพทย์ดั้งเดิม พ.ศ. 2568-2577 ประกอบด้วย 1) เสริมสร้างการแพทย์แผนดั้งเดิมบนหลักฐานเชิงประจักษ์ ผลักดันให้องค์การอนามัยโลกสนับสนุนการสร้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะผ่านเครือข่ายวิจัยระดับภูมิภาคและการใช้ข้อมูลจากสถานการณ์จริง พร้อมพัฒนาระเบียบวิธีวิจัยที่เคารพบริบทเฉพาะและองค์ความรู้ที่ไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากนี้ ยังเรียกร้อง ให้ยกระดับศูนย์การแพทย์ดั้งเดิมระดับโลกในอินเดีย (Global Centre for Traditional Medicine) ให้เป็นแพลตฟอร์ม ความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมระดับนานาชาติ 2) นวัตกรรมและสุขภาพดิจิทัลที่มีจริยธรรม สนับสนุน การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของจริยธรรม เคารพวัฒนธรรม และ ส่งเสริมไม่ใช่แทนที่องค์ความรู้ดั้งเดิม พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองข้อมูลอย่างเหมาะสม สร้างความเท่าเทียมกันในการเข้าถึง และ รักษาความถูกต้องของข้อมูล 3) ปกป้ององค์ความรู้ทางการแพทย์ดั้งเดิม อย่างเร่งด่วน เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลก เพิ่มมาตรการปกป้ององค์ความรู้ทางการแพทย์ดั้งเดิม โดยเฉพาะการสร้างกลไกแบ่งปันผลประโยชน์ที่เป็นธรรม และสนับสนุน สิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง ในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่การค้า และ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว 4) สร้างกลไกติดตามและประเมินผล ที่เข้มแข็งสนับสนุนการทบทวนยุทธศาสตร์ระยะครึ่งแผนในปี พ.ศ. 2573 และผลักดันองค์การอนามัยโลกกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนและวัดผลได้ เพื่อติดตามความก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ