ที่ประชุม คมส. ร่วมพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเชิงรุก เร่งหากลไก-หน่วยงานเจ้าภาพหลักเข้ามาร่วมดำเนินงาน เชื่อมต่อภาคียุทธศาสตร์-ข้ามภาคส่วน หวังแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติจริง พร้อมจัดทำแผนการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ระยะ 2 ปี เพื่อกำหนดแนวทาง-วิธีการ-เป้าหมาย-ตัวชี้วัด-ผู้รับผิดชอบ ในการขับเคลื่อนแต่ละมติให้ชัดเจน
ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2568 ซึ่งมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข (สธ.) ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบพร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเชิงรุก ทั้งในส่วนของมติที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงมติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ
สำหรับแนวทางหลักของการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติในเชิงรุก จะมีการหากลไกหรือหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะมีการเชื่อมกับภาคียุทธศาสตร์ต่างๆ และข้ามภาคส่วนมากขึ้น เพื่อแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติได้จริง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำไปออกข้อบัญญัติของท้องถิ่น, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) นำไปเชื่อมโยงหมุดหมายการพัฒนาตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นำไปหนุนเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนทางสังคม (Social movement) เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำแผนการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ระยะ 2 ปี เพื่อให้เกิดการกำหนดแนวทาง วิธีการ เป้าหมาย ตัวชี้วัด ผู้รับผิดชอบในการขับเคลื่อนแต่ละมติให้ชัดเจน โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จะสนับสนุนกระบวนการจัดประชุมหารือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน และติดตามการดำเนินงานต่อไป
นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 18 ปี ถึงปัจจุบันมีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ออกมาแล้วทั้งหมด 98 มติ ที่ได้รับฉันทมติจากภาคีเครือข่ายต่างๆ ออกมาเป็นนโยบายสาธารณะเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาในด้านสุขภาวะ รวมไปถึงประเด็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของกระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ไม่ได้อยู่ที่การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายให้กลายมาเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ หรือที่เรียกว่ากระบวนการขาขึ้นเท่านั้นหากแต่สิ่งสำคัญยังเป็นการนำนโยบายเหล่านี้ไปร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม หรือที่เรียกว่ากระบวนการขาเคลื่อน จึงเป็นที่มาของการตั้ง คมส. พร้อมกับมีคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 2 คณะ เพื่อ ติดตามและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยแบ่งออกเป็นในด้านที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข และในด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้กำหนดประเด็นนโยบายสาธารณะเพื่อการขับเคลื่อนเชิงรุก ที่มีความสำคัญ โอกาส และความท้าทายต่อการขับเคลื่อนสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ปี 2568-2569 จำนวน 4 ประเด็น
ประกอบด้วย 1. กลุ่มมติที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) มีเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่ กรมควบคุมโรค 2. มติ 7.3 การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน มีเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่ กรมควบคุมโรค และสถาบันวิจัยมะเร็งและท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 3. มติ 8.3 ระบบสุขภาพเขตเมือง: การพัฒนาระบบบริการสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม เจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 4. มติ 14.2 การคุ้มครองการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มประชากรเฉพาะในวิกฤตอย่างเป็นธรรม ยังไม่มีเจ้าภาพในการขับเคลื่อนที่ชัดเจน
ผศ.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ ประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ กล่าวว่า ภายหลังมีการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มมติและสถานะของมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติแล้ว ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะกลุ่มมติที่กำลังมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง (O: On-going) และที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนและต้องหากลไกเพื่อขับเคลื่อน (To find key mechanism) ซึ่งมีรวมแล้วจำนวน 50 มติ มาเป็นเป้าหมายในการขับเคลื่อนในเชิงรุก โดยจะมีการวิเคราะห์เนื้อหาสาระของมติที่เกี่ยวข้องกับภารกิจที่ภาคียุทธศาสตร์ขับเคลื่อน และนัดหมายหารือกับภาคียุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ เบื้องต้นสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 ด้าน คือ 1. มติที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับภารกิจของกับ สสส. 2. มติที่มีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของท้องถิ่น 3. มติที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 4. มติที่เกี่ยวข้องกับการสร้างการรับรู้ทางสังคม 5. มติที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ
“ส่วนกลุ่มมติที่ต้องมีการทบทวน (R: To be revisited) หากมีเครือข่ายเสนอให้มีการทบทวนก็สามารถเสนอต่อคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) เพื่อเสนอเข้าเป็นระเบียบวาระสมัชชาสุขภาพแห่งชาติได้” ผศ. พงค์เทพ กล่าว
อนึ่ง จากการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ทั้งหมด 17 ครั้ง มีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติทั้งหมด 98 มติ เป็นมติที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 41 มติ โดยแบ่งออกได้เป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 12 มติ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) 8 มติ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยา 7 มติ กลุ่มการบริหารจัดการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค 5 มติ และมีมติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสังคมและสุขภาวะ จำนวน 57 มติ โดยแบ่งออกได้เป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 9 มติ กลุ่มที่เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ 9 มติ กลุ่มเกษตร อาหารปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหาร 7 มติ กลุ่มผลกระทบต่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว 6 มติ เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้แบ่งกลุ่มสถานะของมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ 1. มติที่บรรลุผล (A : Achieved) จะเป็นกลุ่มมติที่บรรลุเป้าหมายตามข้อเสนอมติแล้ว 2. มติที่กำลังขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง (O: On-going) 3. มติที่เห็นควรให้ต้องมีการทบทวนใหม่ (R: To be revisited) เช่น กลุ่มมติที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป ซึ่งมีการเคลื่อนไหวน้อยหรือหยุดนิ่ง หรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน 4. มติที่เห็นควรให้ยุติ (E: End-up) เช่น มีมติใหม่ครอบคลุมมติเดิม หรือบริบทและสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง 5. มติที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนและต้องหากลไกเพื่อขับเคลื่อน (To find key mechanism)