มท.3 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พัฒนาการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30 น. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ครั้งที่ 70 – 2/2568 โดยมี นายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นางสาวจริยาพร จิตต์ใจมั่น รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ซึ่งมี นายสุนิรันดร์ ท้วมยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุม 2101 ชั้น 1 อาคาร 2 กรมโยธาธิการและผังเมือง ถนนพระราม 9

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องประชาชนที่มีที่ดินตาบอด ไม่มีทางเข้าออก จึงได้นำวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาใช้ โดยทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการทำโครงการ ช่วยกันออกแบบบ้านและชุมชนของตนให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจากที่บางแปลงถนนเข้าไม่ถึงก็สามารถเข้าถึงได้ บางแปลงมีรูปร่างหลายเหลี่ยมหรือเป็นเสี้ยว ก็ปรับเปลี่ยนรูปแปลงที่ดินให้เป็นสี่เหลี่ยมสวยงาม ช่วยเพิ่มมูลค่าและสามารถใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น หลักการเพียงแค่พี่น้องประชาชนร่วมกันปันที่ดินออกมาเพื่อก่อสร้างถนน และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นที่จำเป็น ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับมีมากกว่าหลายเท่าตัว นอกจากนี้การจัดรูปที่ดินยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยที่ดินถือเป็นต้นทุนพื้นฐานในการที่ประชาชนจะสามารถสร้างอาชีพ ทำประโยชน์ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จะเห็นได้ว่าประโยชน์ต่าง ๆ เกิดทั้งในส่วนของเจ้าของที่ดิน สามารถได้ใช้ประโยชน์ที่ดินของตนเองอย่างเต็มประสิทธิภาพ ชุมชนก็ได้ประโยชน์ และรัฐเองก็ได้ประโยชน์ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย นอกจากกรมโยธาธิการและผังเมืองแล้ว ยังมีหน่วยงานที่บูรณาการความร่วมมือในการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้สำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้า และการประปา เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อความสุขอย่างยั่งยืน มาร่วมกันพัฒนาชุมชนของท่านไปด้วยกันกับโครงการจัดรูปที่ดินฯ

นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2547 กรมโยธาธิการและผังเมืองได้นำวิธีการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่มาใช้เป็นเครื่องมือในการนำผังเมืองรวมไปสู่การปฏิบัติ โดยส่งเสริมให้ประชาชนในเขตผังเมืองรวมเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการพัฒนาพื้นที่ของตน รวมไปถึงพัฒนาถนนตามผังเมืองรวมเพื่อแก้ปัญหาที่ดินตาบอด สาธารณูปโภคเข้าไม่ถึง และเพื่อพัฒนาที่ดินในเมืองให้ใช้ประโยชน์ได้ตามที่ผังเมืองรวมกำหนด ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ถึงปัจจุบัน มีโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ดำเนินการแล้วจำนวน 71 โครงการ ในพื้นที่ 54 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การดำเนินงานของโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ที่ได้ดำเนินการจนถึงปัจจุบัน มีรายละเอียด ดังนี้
– โครงการที่ประกาศการสิ้นสุดโครงการในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จำนวน 18 โครงการ
– โครงการที่มอบหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใหม่ให้กับเจ้าของที่ดินสามารถใช้ประโยชน์ ในที่ดินได้แล้ว จำนวน 44 โครงการ (นอกจาก 18 โครงการ ยังมีโครงการอีก จำนวน 26 โครงการ)
– โครงการที่อยู่ระหว่างเจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใหม่ จำนวน 7 โครงการ
– โครงการที่อยู่ระหว่างการออกแบบผังแปลงที่ดินใหม่และขับเคลื่อนการก่อสร้างถนนสายหลัก และโครงสร้างพื้นฐานในโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ หรือจัดหางบประมาณบางส่วนให้แล้วเสร็จ จำนวน 20 โครงการ

จากการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 71 โครงการ ในพื้นที่ 54 จังหวัด นั้น ทำให้ที่ดินได้รับการพัฒนา จำนวน 5,816 แปลง คิดเป็นเนื้อที่ 19,225 ไร่ สามารถพัฒนาโครงข่ายถนนในเขตผังเมืองรวม 217 กิโลเมตร โดยจำแนกเป็นการก่อสร้างถนน ตามผังเมืองรวมให้ประชาชนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ จำนวน 88 สายทาง ใน 59 ผังเมืองรวม คิดเป็นระยะทางประมาณ 82.235 กิโลเมตร และเป็นถนนโครงข่ายเพื่อเชื่อมโยงการสัญจรในพื้นที่เมือง และบริเวณโดยรอบประมาณ 134.833 กิโลเมตร บางโครงการยังมีการจัดที่ดินเพื่อเป็นที่สาธารณประโยชน์อื่น ๆ เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา หรือพื้นที่แก้มลิงเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมให้กับชุมชนอีกด้วย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ ได้มาจากการปันส่วนที่ดินของผู้เข้าร่วมโครงการ ทำให้ภาครัฐมีพื้นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมือง ใช้ร่วมกันเพิ่มขึ้นจากเดิม 1,868 ไร่ สามารถช่วยประหยัดงบประมาณในการเวนคืนที่ดินได้กว่า 2,772 ล้านบาท รวมถึงประชาชนในผังเมืองรวมที่มีการดำเนินโครงการได้รับประโยชน์อีกกว่า 5 ล้านคน นอกจากนี้ หากพิจารณาถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นภายหลังดำเนินโครงการแล้ว ยังส่งผลให้มูลค่าที่ดินและทรัพย์สิน ของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนงบประมาณที่ประชาชนร่วมลงทุนกับรัฐ ในโครงการจัดรูปที่ดินฯ ถึงร้อยละ 56.84 ของมูลค่าโครงการโดยรวม