นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยถึงสถานะความมั่นคงของกองทุนประกันสังคมว่า ในปัจจุบันกองทุนมีรายรับจากเงินสมทบ 3 ฝ่าย ประมาณปีละ 2.2 แสนล้านบาท และจ่ายสิทธิประโยชน์ 7 กรณี ปีละประมาณ 1.35 แสนล้านบาท แม้การจ่ายสิทธิประโยชน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง แต่ถือได้ว่าสถานะกองทุนในปัจจุบันยังคงมีเสถียรภาพ แม้ตลอดระยะเวลา 34 ปี ที่ได้ก่อตั้งกองทุนประกันสังคม ได้มีการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องกว่า 97 ครั้ง โดยไม่เพิ่มอัตราเงินสมทบหรือปรับเพิ่มเพดานค่าจ้าง มีการพัฒนาช่องทางการให้บริการทำให้เข้าถึงสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทยที่เข้าสู่สังคมสูงวัยในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยจะมีผู้สูงวัยที่ไม่อยู่ในวัยทำงานคิดเป็นร้อยละ 30 ของประชากร ทำให้กองทุนมีสถานะสมดุล กล่าวคือเงินสมทบเท่ากับรายจ่าย และหากไม่มีมาตรการใดๆ มารองรับ จะส่งผลกระทบต่อกองทุนอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานประกันสังคมจึงดำเนินการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศเสนอแนะแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนประกันสังคม รวมทั้งร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดนโยบายสร้างความยั่งยืนให้กองทุน และวางแผนบริหารการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาสที่ 1 (มกราคม – มีนาคม) ของปี 2568 กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนสะสม จำนวน 2.7 ล้านล้านบาท ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นเงินกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท จากการปรับสัดส่วนการลงทุน โดยเน้นลงทุนหลักทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเพิ่มขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนที่คณะกรรมการประกันสังคมให้ความเห็นชอบ การลงทุนอย่างรอบคอบทำให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคง สร้างผลตอบแทนระยะยาวเพื่อการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน
“ขอเน้นย้ำว่า สำนักงานประกันสังคม พร้อมดำเนินการทุกวิธีในการเสริมสร้างเสถียรภาพกองทุนให้สามารถดูแลสิทธิประโยชน์ให้แก่พี่น้องผู้ประกันตนมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมหลักประกันทางสังคมที่มั่นคงตลอดไป” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย