เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568 นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วย นางสาวอุษา ธีระวิทยเลิศ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม นางจีราวรรณ รินทะรึก ประกันสังคมจังหวัดมหาสารคาม ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคมส่วนกลาง รวมถึงนักกายภาพบำบัดจากศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 4 และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพใน “โครงการ สปส.มอบสุข” ถึงบ้านพักในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม โดยมีครอบครัวของผู้ประกันตนให้การต้อนรับ
นางมารศรี ใจรังษี เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ให้ความสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ตนจึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ ให้การดูแลผู้ประกันตนอย่างทั่วถึงและรอบด้าน โดยในวันนี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ รวมถึงนำนักกายภาพบำบัดมาแนะนำวิธีการฟื้นฟูร่างกาย อีกทั้งได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมามอบให้กับผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ซึ่งอยู่ในการดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 3 ราย โดยรายแรกคือ นายวีรชัย งอยภูธร อายุ 53 ปี เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ทุพพลภาพจากอาการเส้นเลือดสมองตีบ เป็นเหตุให้ร่างกายซีกขวาอ่อนแรง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2556 รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400.00 บาท ตลอดชีวิต
รายที่ 2 คือ นายจิรพงษ์ รักษาภักดี อายุ 53 ปี เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุพพลภาพจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นเหตุให้ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2550 รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 1,999.50 บาท ตลอดชีวิต
และรายที่ 3 คือ นายสมหมาย ไชยคำภา อายุ 74 ปี เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุพพลภาพจากอาการเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นเหตุให้แขนและขาทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 50 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2558 รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 6,879.00 บาท ตลอดชีวิต
นางมารศรี ยังได้กล่าวในตอนท้ายว่า “สิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคมได้ให้การคุ้มครองแก่ผู้ประกันตนตั้งแต่แรกเกิด ไปตลอดชีวิต อีกทั้งให้การคุ้มครองครอบคลุมไปถึงผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ไม่ว่าจะเกิดจากความเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ประกันตนอย่างเท่าเทียม”