ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวในที่ประชุมว่า จากสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยในตอนนี้มีความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมและเคลื่อนผ่านทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ได้แก่ บริเวณพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ รวมถึงส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ส่วนหน้า เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและติดตามสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้อย่างใกล้ชิด โดยในวันนี้ (29 พ.ย.67) ได้นัดผู้บริหารกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ประชุมเป็นการด่วน เพื่อติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ ณ ศูนย์อำนวยการพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชั้น 8 กรม ทช. และผ่านระบบ VDO Conference
ดร.ปิ่นสักก์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้มอบหมายให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเป็นการเร่งด่วน ตามข้อสั่งการของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย “ทส.หนึ่งเดียว ช่วยเหลือ ประชาชน” โดยมอบให้สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (สวพ.) รายงานสภาพภูมิอากาศและระดับทิศทางการไหลของมวลน้ำ ตลอดจนรับฟังแนวทางการบริหารจัดการและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 และ 9 รายงานสรุปข้อมูลสถานการณ์อุทกภัยประจำวัน อีกทั้งดำเนินการจัดทำแผนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ และประสานงานกับศูนย์ส่วนหน้าของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการนี้ กรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมทั้งสนับสนุนยานพาหนะจำนวน 27 คัน เรือปฏิบัติการจำนวน 29 ลำ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา ทีมงานได้เข้าช่วยเหลือหญิงตั้งครรภ์จำนวน 1 ราย และผู้ประสบภัยจำนวน 50 รายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานส่วนหน้าและพี่น้องประชาชนให้ดูแลตนเอง รวมถึงให้เชื่อมั่นว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะอยู่เคียงข้างพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยและให้การช่วยเหลืออย่างสุดขีดความสามารถ พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป