กรมทางหลวงชนบท เผยสถานการณ์อุทกภัยได้รับผลกระทบ 8 สายทาง พร้อมนำเจ้าหน้าที่ติดตั้งสะพานเบลีย์บรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนเดินทางสัญจรผ่านได้ชั่วคราว

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยบนสายทางหลวงชนบทในบางพื้นที่เริ่มคลี่คลายแล้ว ซึ่งได้ระดมเจ้าหน้าที่เร่งเข้าฟื้นฟู และซ่อมแซมสายทางที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเปิดใช้ให้กับประชาชนสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ปัจจุบัน (วันที่ 2 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น.) พบสายทางที่ได้รับผลกระทบจำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดพะเยา จำนวน 8 สายทาง สัญจรผ่านไม่ได้ 4 สายทาง และสัญจรผ่านได้ 4 สายทาง ดังนี้

สัญจรผ่านไม่ได้ 4 สายทาง ได้แก่
1. ถนนสาย ชร.4008 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 87+200) – บ้านศรีสะอาด อำเภอขุนตาล, พญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย
2. ถนนสาย ชร.4012 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 62+950) – บ้านหนองเสา อำเภอเทิง, พญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย
3. ถนนสาย ชร.022 สะพานประชาร่วมใจ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
4. ถนนสาย พย.015 สะพานพระธรรมิกราช อำเภอดอกคำใต้-ป่าแดด จังหวัดพะเยา

สัญจรผ่านได้ 4 สายทาง ได้แก่
1. ถนนสาย ชร.4011 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 118+070) อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
2. ถนนสาย ชร.5031 แยกทางหลวงชนบทสาย ชร.4014 (กม.ที่ 0+700) – บ้านซ้อใต้ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
3. ถนนสาย ชร.021 สะพานข้ามลำน้ำอิง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
4. ถนนสาย ชร.014 สะพานเวียงหนองแรด อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า สำหรับสายทางที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดแพร่ ได้รับรายงานจากสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 17 (เชียงราย) และแขวงทางหลวงชนบทแพร่ ได้ระดมเจ้าหน้าที่เข้าติดตั้งสะพานเหล็กสำเร็จรูป (Bailey Bridge) บนถนนสาย พร.3002 แยก ทล.103 – บ้านเด่นไผ่ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ บริเวณ กม.ที่ 3+602 หลังได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ส่งผลให้สะพานชำรุด จำนวน 2 ช่วง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการติดตั้งสะพานดังกล่าวแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรผ่านได้ชั่วคราวแล้ว โดยจำกัดขนาดรถที่จะใช้สัญจร ความสูงไม่เกิน 2.5 เมตร และน้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้สัญจรได้อย่างปลอดภัย

ทั้งนี้ หากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทช. จะเร่งดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างและซ่อมแซมให้สามารถใช้งานได้ระยะยาว เพื่ออำนวยความสะดวก ปลอดภัยในการสัญจรของประชาชนต่อไป อย่างไรก็ตาม หากประชาชนได้รับผลกระทบหรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ หรือสายด่วน กรมทางหลวงชนบท 1146