รองนายกภูมิธรรมฯ สั่งการ สกมช. ปฏิบัติการเชิงรุกเร่งยกระดับป้องกันประชาชน เตรียมพร้อมเช็กความปลอดภัย คุมเข้มระบบ Digital Wallet

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 13.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 2/2567 ณ ห้องประชุมวิมวาทิตย์ 1 กระทรวงพาณิชย์ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติในฐานะกรรมการและเลขานุการการประชุม กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ได้มีการรายงานผลการปฏิบัติของศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติและรายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามและผลการดำเนินการเหตุการณ์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในห้วง 6 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งผลการปฏิบัติการเกี่ยวกับแอปดูดเงินที่สามารถสกัดเงินไม่ให้เงินไหลออกจากบัญชีเหยื่อแบบเรียลไทม์ หรือ สามารถอายัดบัญชีได้ในทันที ซึ่งที่ผ่านมานั้น สกมช. สามารถช่วยประชาชนมากกว่า 65 ราย กว่า 120 บัญชี รวมมูลค่าความเสียหายบางรายมากถึง 6 ล้านบาท ขานรับนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประธานกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่ให้ยกระดับภัยคุกคามจากแอปดูดเงินเป็นภัยไซเบอร์ระดับร้ายแรง ภายใต้ พ.ร.บ. ไซเบอร์ฯ นอกจากนี้ สกมช. ยังให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและความรัดกุมสำหรับระบบโครงการ Digital Wallet ไม่ว่าจะเป็นระบบการลงทะเบียน ระบบการยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ก่อนใช้งานจริงจะต้องมีการตรวจสอบระบบให้รอบคอบ ซึ่งจะต้องปลอดภัยมากที่สุด ตามแผนงานที่รัฐบาลกำหนดไว้

นายประเสริฐ เปิดเผยว่า จากการที่ประชุม กกม. ได้ประกาศยกระดับจัดให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดจากแอปดูดเงิน เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และมีข้อสั่งการให้ สกมช. ร่วมกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) รวมถึงสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรงอย่างทันท่วงที อาทิ ระงับการเชื่อมต่อไปยังแอปดูดเงินตัดวงจรการเชื่อมต่อระบบการควบคุมของมิจฉาชีพ และหยุดการโอนเงินของมิจฉาชีพผ่านระบบ Mobile Banking รวมทั้งการป้องกันประชาชนไม่ให้ถูกหลอกติดตั้งแอปดูดเงิน ก่อนเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการใช้บริการทางการเงินออนไลน์ให้ประชาชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี/ประธาน กมช. เน้นย้ำว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชน โดยเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ สกมช. ปฏิบัติการเชิงรุกภายหลังจากที่ได้มีการดำเนินยกระดับจัดให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดจากแอปดูดเงิน เป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการใช้บริการทางการเงินออนไลน์ให้ประชาชน รวมถึงเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับนโยบาย Digital Wallet ให้มีความมั่นคงปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งการประชุมในวันนี้ คณะกรรมการฯ ยังให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เรื่อง มาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์ พ.ศ. …. เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนนโยบาย Cloud First Policy ตามนโยบายการใช้คลาวน์ของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานของภาครัฐให้มีความมั่นคงปลอดภัย

พลอากาศตรี อมร ชมเชย กล่าวทิ้งท้ายว่า ในการประชุมครั้งนี้นอกจากจะมีการสั่งการเกี่ยวกับแอปดูดเงินแล้ว ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบการเห็นชอบในบันทึกความร่วมมือระหว่าง สกมช. กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ และยกระดับทักษะความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และยังเป็นการขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง สกมช. และหน่วยงานอื่นต่อไป  รวมทั้ง สกมช. ต้องบังคับใช้ให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการตามพระราชบัญญัติ และกฎหมายฉบับรอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานควบคุมหรือกำกับดูแล และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศมีหน้าที่ป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ตามประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตัวอย่างกรณีเหตุการณ์ Crowdstrike วิกฤตจอฟ้า ที่เกิดขึ้น พบว่ามีผลกระทบกับบางระบบงานในประเทศไทยบ้าง แต่เนื่องจากที่ผ่านมา สกมช. ได้มีการฝึก และเตรียมความพร้อมตลอดจนส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานมีการจัดทำแผนรับมือ ทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานในวงกว้าง