กรมชลฯ สั่งชลประทานทั่วประเทศปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัด บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

วันที่ 10 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (10 มิ.ย. 67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 38,530 ล้าน ลบ.ม. (50% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 14,590 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 10,025 ล้าน ลบ.ม. (40% ของความจุอ่างฯรวมกัน) เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 3,329 ล้าน ลบ.ม. และตั้งแต่ 1 พ.ค. 67 จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำช่วงฤดูฝนปี 67 ทั้งประเทศไปแล้วกว่า 4,870 ล้าน ลบ.ม. (32% ของแผน) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 1,741 ล้าน ลบ.ม. (35% ของแผน)

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 11 – 15 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมชลประทาน ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศ รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิด นำข้อมูลจากหน่วยงานพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องมาวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ควบคู่ไปกับการเก็บกัก พร้อมปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 67 ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) อย่างเคร่งครัด

ที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้ดำเนินการสนับสนุนเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ เข้าไปกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและระบายน้ำ ตลอดจนตรวจสอบความมั่นคงของอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในการเข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์