ปภ.รายงานเกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ เร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือโดยด่วน

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2562 ถึงปัจจุบันจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้เกิดน้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 16 จังหวัด ได้แก่ สตูล ตราด ปัตตานี กาญจนบุรี อุดรธานี ตรัง นครนายก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ พะเยา ระนอง อุบลราชธานี หนองคาย น่าน และบึงกาฬ สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 15 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำลดลง ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2562 ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 16 จังหวัด ได้แก่ สตูล ตราด ปัตตานี กาญจนบุรี อุดรธานี ตรัง นครนายก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ พะเยา ระนอง อุบลราชธานี หนองคาย น่าน และบึงกาฬ รวม 47 อำเภอ 95 ตำบล 164 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 694 หลัง โรงเรียน 2 แห่ง เรือ 2 ลำ วัด 1 แห่ง ผู้บาดเจ็บ 3 ราย (สตูล 2 ราย แม่ฮ่องสอน 1 ราย) ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 15 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ในจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำในลำห้วยฮี้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเซกา และอำเภอศรีวิไล รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้ช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ ซึ่ง ปภ.ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป