นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า 30 เมษายนของทุกปี เป็น “วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย” ซึ่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยจะต้องดูแลราคาและปริมาณสินค้าและบริการ ภาระค่าครองชีพให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรม เสริมสร้าง มาตรฐานการชั่งตวงวัดให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อสนับสนุนการค้าให้เข้มแข็งและเป็นธรรม รวมทั้ง สร้างความเข้มแข็งให้ผู้บริโภคในการพิทักษ์สิทธิ ซึ่งที่ผ่านมานายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบรักษาความเป็นธรรมให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจสอบการปิดป้ายแสดงราคา ตรวจความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งต่างๆ ทั้งเครื่องชั่งสปริง เครื่องชั่งดิจิตอล เครื่องชั่งน้ำหนักสินค้าเกษตร รวมถึงตรวจสอบความเที่ยงตรงของหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และการบรรจุก๊าซหุงต้มอีกด้วย
พร้อมทั้ง ได้รณรงค์ให้ประชาชนรักษาสิทธิผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่น การแนะนำให้ผู้บริโภคสังเกตการเลือกซื้อสินค้าที่ใช้เครื่องชั่งสปริง 1. ก่อนซื้อสินค้าทุกครั้ง ให้สังเกตเครื่องชั่งต้องวางอยู่บนพื้นราบไม่เอียง 2. ให้สังเกตเข็มชี้อ่านจำนวนน้ำหนักของสินค้า ต้องเริ่มที่เลขศูนย์ (0) เสมอ ก่อนผู้ขายทำการชั่งสินค้า 3. ไม่ควรซื้อสินค้ากับผู้ขายที่ใช้เครื่องชั่งที่ตัวเครื่องทำด้วยพลาสติก 4. ไม่ควรซื้อสินค้ากับผู้ขายที่ใช้เครื่องชั่งที่มีเข็มชี้อัตราน้ำหนักของ หน้าปัดเพียงหน้าเดียว หรือใช้วัสดุอื่น/นำสีพ่นปิดหน้าปัดด้านหนึ่งไว้ หรือวางสินค้าบังหน้าปัด หรือตั้งเครื่องชั่งมิให้ผู้ซื้อเห็นหน้าปัดของเครื่องชั่ง 5. เครื่องชั่งที่มีสติกเกอร์เครื่องหมายตราครุฑสีแดงบนหน้าปัด แสดงว่าผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือเว็บไซต์กรมการค้าภายใน (www.dit.go.th) หรือ Line@MR.DIT โดยกรมการค้าภายในได้ให้ความสำคัญกับทุกข้อร้องเรียน หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น หากไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร อาจมีความผิดตามมาตรา 29 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น