“รองนายกฯ สมศักดิ์” ห่วงผลกระทบภัยแล้ง ลงพื้นที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เดินหน้าฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ (ชาวกะเหรี่ยง) พร้อมติดตามการจัดทำแผนพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระดับอำเภอ เร่งแก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภค น้ำท่วม-น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีน้ำสะอาดใช้อย่างเท่าเทียม
วันที่ 26 เมษายน 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดตาก โดยเป็นประธานในงานสถาปนาพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์บ้านแม่ปอคี (ขุนแม่เหว่ย) ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ณ บริเวณน้ำตกแม่ปอคี (ขุนแม่เหว่ย) ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือขับเคลื่อนเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์บ้านแม่ปอคี (ขุนแม่เหว่ย) และเป็นประธานในพิธีเปิดหลักหมุดเขตพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์บ้านแม่ปอคี (ขุนแม่เหว่ย) พร้อมรับชมการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงและเยี่ยมชมซุ้มนิทรรศการของหน่วยงานต่างๆ ในการนี้ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานภาพรวมการติดตั้งสถานีวัดน้ำฝนในพื้นที่ อ.ท่าสองยาง เพื่อแจ้งเตือนภัยกรณีน้ำหลากจากพื้นที่ต้นน้ำ โดยการติดตั้งเครื่องมือที่ใช้ระบบสัญญาณดาวเทียมที่จะเชื่อมโยงกับ application National ThaiWater ซึ่งเป็นการดำเนินการขับเคลื่อนตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในด้านที่ 5 การบริหารจัดการ โดยกรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว 2 แห่ง และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการติดตั้งแล้ว 3 แห่ง โดยมี นายอนันต์ เพ็ชร์หนู ผู้อำนวยการ สทนช.ภาค 1 ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันวิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย
โดยรองนายกรัฐมนตรี เป็นห่วงต่อสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ แม้ว่าจะอยู่ในช่วงปลายฤดูแล้งแล้ว แต่ยังคงมีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จึงได้กำชับให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพ รวมถึงการมีแหล่งน้ำสำรอง ซึ่ง “น้ำ” ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาลำดับแรกที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ประชาชนทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงระบบประปาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามเป้าหมายของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี
ด้าน เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ประเทศไทยใช้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เป็นกรอบเป้าหมายในการจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน” สำหรับการจัดทำแผนพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก สทนช.ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลสภาพปัญหาน้ำในด้านต่างๆ เป็นรายตำบล เมื่อวันที่ 5-7 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อนำร่องจัดทำแผนในระดับอำเภอ โดยได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสามารถสรุป (ร่าง) การจัดทำแผนพัฒนาด้านทรัพยากรน้ำระยะ 5 ปี จำนวน 133 โครงการ ตามแผนแม่บทฯน้ำ ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค 71 โครงการ การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต 24 โครงการ การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย 8 โครงการ การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ 10 โครงการ และการบริหารจัดการ 20 โครงการ
โดยมีแผนงานเร่งด่วนที่สำคัญและควรเร่งดำเนินการ ประกอบด้วย 1.การพัฒนาระบบเตือนภัยดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยง โดยการติดตั้งสถานีและสร้างเครือข่ายการเตือนภัย 2.การซ่อมแซม ปรับปรุง และเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพน้ำประปา เพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำอุปโภคบริโภค และ 3.การปลูกฟื้นฟูป่าต้นน้ำและทำฝายชะลอน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรองในการรักษาระบบนิเวศ รวมถึงให้มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตอนล่างได้อย่างเพียงพอ และช่วยลดปัญหาการพังทลายของดิน
ส่วนแผนงานดำเนินการในปี 67 มีจำนวน 40 โครงการ เช่น การติดตั้งสถานีโทรมาตร 3 แห่ง ได้แก่ 1)สาธารณสุขชุมชนบ้านทีโบ๊ะคี 2)ศูนย์การเรียน ตชด.บ้านคะเนจือทะ 3)รพ.ตำบลบ้านแม่เหว่ย, ระบบกระจายน้ำสะอาดสนับสนุนศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านคะเนจือทะ, ระบบกระจายน้ำสะอาดสนับสนุนศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแม่อมยะ และฝายต้นน้ำแบบคอก เป็นต้น ส่วนแผนงานดำเนินการในปี 68 จำนวน 38 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาระบบคาดการณ์การเฝ้าระวังแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินถล่ม, ระบบกระจายน้ำสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่สอง(บ้านเบาะโป๊ะคี) และซ่อมแซมฝายพร้อมระบบส่งน้ำโครงการจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้กับศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา“แม่ฟ้าหลวง”บ้านพะตี้หม่อโจ เป็นต้น
“เมื่อ สทนช. จัดทำแผนพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ระยะ 5 ปี แล้วเสร็จ จะนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการเสนอขอจัดตั้งงบประมาณในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ อ.ท่าสองยาง ต่อไป โดย สทนช. จะใช้ อ.ท่าสองยาง เป็นต้นแบบในการขยายผลการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่สูงอื่นๆ ทั้งในส่วนของ จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการบูรณาการร่วมกันอย่างแท้จริงระหว่างอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งภาคประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีน้ำสะอาดใช้อย่างเท่าเทียม สอดคล้องกับแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี”