กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ บูรณาการความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย พร้อมลงนาม MOU กับ National Law Development Agency of Ministry of Law and Human Rights of Republic of Indonesia

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562 เวลา 09.00 น. ณ ห้องวีนัส โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายสมณ์ พรหมรส อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การบูรณาการความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของประเทศไทยสู่อาเซียน” โดยมี นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ระหว่าง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กับ National Law Development Agency of Ministry of Law and Human Rights of Republic of Indonesia

“การบูรณาการความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของประเทศไทยสู่อาเซียน” จากหลักการและแนวปฏิบัติแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา United Nation expression and is an Accident occurs in Terminal Justice System เป็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรมประการสำคัญของประชาชนทุกคน และเป็นกรอบที่แต่ละรัฐภาคีสมาชิก จะต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับสิทธินี้ โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มีอำนาจหน้าที่ในการจัดระบบการบริหารจัดการด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามมาตรฐานสากล ซึ่งประกอบด้วย 1. การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมและการได้รับการปฏิบัติด้วยความเป็นธรรม 2. การชดใช้ค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด 3. การชดเชยค่าเสียหายจากรัฐ และ 4. การได้รับความช่วยเหลือหรือบริการอื่นๆ

ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่เป็นธรรม มีมนุษยธรรม และเป็นผล โดยมีพื้นฐานอยู่บนหลักนิติธรรม ความช่วยเหลือทางกฎหมายเป็นพื้นฐานการเข้าถึงสิทธิอย่างอื่น รวมทั้งสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมากรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มีการดำเนินการโครงการพัฒนากลไกและข้อเสนอด้านการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559-2562 สำหรับในปีนี้จึงเป็นการรวบรวมและสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเพื่อจัดทำแผนบูรณาการเพื่อช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของประเทศไทยและประชาคมอาเซียน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ระบบการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเป็นไปตามมาตรฐานสากลและเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ซึ่งนำมาสู่การลงนามในบันทึกข้อตกลง MOU ในการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายในวันนี้ ซึ่งประเทศไทยคาดหวังว่าในปีต่อๆ ไป จะสามารถขยายความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายไปยังประเทศอื่นๆ ในประชาคมอาเซียน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ยังหวังว่าในวันนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของประเทศต่างๆ ในอาเซียน อีกทั้ง สามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการประชุมไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

***********************