“นภินทร” ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร หารือสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดน เร่งอำนวยความสะดวกทางการค้า พร้อมทั้งเยี่ยมชมศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียวจังหวัดมุกดาหาร (Mukdahan Border Trade One Stop Service) เตรียมรับฤดูกาลส่งออกผลไม้ไทยในเดือนหน้า
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 14.00 น. นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมทั้งเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน จังหวัดมุกดาหารและนครพนม โดยได้รับฟังสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนจาก 2 ด่าน คือ ด่านมุกดาหารที่มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนในปี 2566 มากกว่า 340,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ในขณะที่ด่านนครพนม มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดน มากกว่า 100,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.5 นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายนภินทรฯ ยังได้เร่งผลักดันการอำนวยความสะดวกทางการค้า ได้แก่ การเร่งจัดทำ E-Wallet ชำระเงินด้วย QR Code ร่วมกันของธนาคารไทยและธนาคารของ สปป.ลาว ที่คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ช่วงไตรมาส 2 ของปี 2567 ซึ่งจะช่วยให้คนลาวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศไทยมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคไปสู่ระดับ SME และการเร่งเจรจาให้จีนขยายเวลาเปิดทำการด่านตงซิง เขตปกครองตนเองกว่างสีจ้วงของจีน ในวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ไทย พร้อมทั้ง เร่งกำชับการเพิ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเพิ่มเติมนอกเวลาทำการที่ศูนย์ OSS นครพนม ในช่วงฤดูกาลส่งออกผลไม้ ที่มีรถส่งออกผลไม้เฉลี่ยวันละ 200 คัน
พร้อมกันนี้ นายนภินทรฯ ยังได้ติดตามการปฏิบัติงานของศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียวจังหวัดมุกดาหาร (Mukdahan Border Trade One Stop Service) ที่เริ่มเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการติดต่อขอเอกสารต่างๆ จาก 3-4 ชั่วโมง เหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้กระบวนการส่งออกสินค้าชายแดนและผ่านแดนมีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นายนภินทรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ด่านมุกดาหาร และด่านนครพนม เป็นอีกเส้นทางสำคัญส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ซึ่งฤดูกาลผลไม้ไทยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป ตนจึงได้รีบเร่งรัดและกำชับขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันอำนวยความสะดวก พร้อมทั้ง มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งการเจรจาการขยายเวลาเปิดด่านตงซิง ซึ่งเป็นอีกด่านที่มีความพร้อมสำหรับนำเข้าผลไม้ไทยที่ส่งออกจากนครพนมรองจากด่านโหย่วอิ๊กวาน ตนมั่นใจว่า ทั้งการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และความพร้อมของศูนย์ OSS ที่นครพนม และมุกดาหาร จะทำให้การส่งออกผลไม้ไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น”