วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้กรมการจัดหางาน ตามที่ขอพระราชทาน เพื่อน้อมนําไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดพระประโทณเจดีย์ วรวิหาร ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม โดยมีนายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2566 พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กรมการจัดหางาน หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครปฐม และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี ทั้งนี้ ได้มีผู้มีจิตกุศลร่วมถวายจตุปัจจัย บำรุงและบูรณะพระอาราม ทำบุญกฐินพระราชทาน ประจำปี 2566 รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 5,826,143 บาท
สำหรับวัดพระประโทณเจดีย์ เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยทวารวดี ห่างจากที่ตั้งวัดปัจจุบันไปทางทิศเหนือขององค์พระประโทณเจดีย์ประมาณ 1,200 เมตร ส่วนวัดพระประโทณเจดีย์ในปัจจุบันสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2324 ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือขององค์พระประโทณเจดีย์ประมาณ 20 เมตร สันนิษฐานว่าย้ายมาจากที่เดิมเมื่อ 200 ปีเศษ เพราะมีกุฏิโบราณหลังหนึ่งจารึกตัวหนังสือและตัวเลขด้วยปูนว่า ซ่อมเมื่อ พ.ศ. 2456 จากหลักฐานดังกล่าว จึงสันนิษฐานได้ว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2366 – 2370 ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า วัดพระประโทณเจดีย์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2324 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2327 ปัจจุบันมีพระศรีธีรวงศ์ (สมัย สจฺจวโร ป.ธ.9) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง
ทั้งนี้ พระกฐินพระราชทาน คือ พระกฐินที่ถือว่า ผ้าพระกฐิน บริขาร และบริวารกฐิน เป็นของหลวง แต่เปิดโอกาสให้ส่วนราชการ องค์กร หรือบุคคลที่สมควร ขอรับพระราชทานอัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ ซึ่งจะต้องยื่นความจำนงขอพระราชทานผ่านไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และเมื่อถึงกำหนดกฐินกาลก็ติดต่อขอรับผ้าพระกฐินและบริวารพระกฐิน เพื่อนำไปทอด ณ พระอารามที่ขอรับพระราชทานไว้ โดยกรมการจัดหางาน ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชน ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน เพื่อเป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสให้ได้รับอานิสงส์ตามพระวินัย และเป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม โดยเป็นการรวมพลังแห่งความสามัคคี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจในการสร้างบุญกุศลสร้างความสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งเป็นการจรรโลงและส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้มั่นคงดำรงอยู่เจริญวัฒนาสถาพรสืบไป