กรมการค้าต่างประเทศเปิดรับฟังความเห็นต่อ (ร่าง) กฎกำหนดมาตรการนำเข้าเศษพลาสติก เพื่อดำเนินการตามนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ดังนี้ (1) ให้เศษพลาสติกตามพิกัดศุลกากร 39.15 เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้าถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งจะบังคับใช้ในพื้นที่ทั่วไป โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้พิจารณาอนุญาตนำเข้า และ (2) ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมการค้าต่างประเทศได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎกำหนดมาตรการนำเข้าเศษพลาสติกไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม – 25 เมษายน 2566 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจร่วมให้ความเห็นต่อร่างกฎดังกล่าวหลายราย ซึ่งกรมฯ ได้วิเคราะห์/ประมวลความคิดเห็นดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งจนเป็นที่ยุติ และได้ปรับปรุง (ร่าง) กฎเกี่ยวกับการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติก 3 ฉบับ ได้แก่
(1) (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าเศษพลาสติกซึ่งหมายถึง เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก ตามพิกัดฯ ประเภท 39.15 ต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า และ
(2) (ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการอนุญาตให้นำเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่ทั่วไปจนถึงสิ้นปี 2567 รวมทั้ง
(3) (ร่าง) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. เพื่อห้ามนำเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักรในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ในโอกาสนี้ กรมการค้าต่างประเทศ จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว ผ่านเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) หรือระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) ได้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม – 31 ตุลาคม 2566 โดยผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DFT Call Center โทร. 1385 หรือกองบริหารการค้าสินค้าทั่วไป กรมการค้าต่างประเทศ โทร. 0 2547 5121
ทั้งนี้ ในปี 2566 (ม.ค. – ส.ค.) มีการนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่เขตปลอดอากรเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกแล้วส่งออก ปริมาณ 0.14 ล้านตัน มูลค่า 1,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.96 และ 28.71 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการส่งออกเศษพลาสติกจากไทย มีปริมาณ 0.06 ล้านตัน มูลค่า 1,552.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.72 และ 2.55 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน