สภาพอากาศวันนี้ : จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคใต้ และภาคตะวันออก
คาดการณ์: ในช่วงวันที่ 20-22 ต.ค. 66 ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 16 ต.ค. 66 น้อยกว่าปี 2565 จำนวน 7,139 ล้าน ลบ.ม. สรุปได้ดังนี้
ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 60,614 ล้าน ลบ.ม. (74%)
ปริมาณน้ำใช้การ 36,445 ล้าน ลบ.ม. (63%)
เฝ้าระวังแหล่งน้ำขนาดใหญ่
เฝ้าระวังน้ำมาก 10 แห่ง ภาคเหนือ : แม่งัดสมบูรณ์ชล แม่มอก แควน้อยบำรุงแดน และกิ่วลม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : ห้วยหลวง ลำปาว หนองหาร น้ำพุง และอุบลรัตน์ ภาคตะวันออก : ขุนด่านปราการชล ขอให้หน่วยงานพิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน และคำนึงถึงการเก็บกักน้ำสำหรับฤดูแล้งนี้ด้วย
เฝ้าระวังน้ำน้อย 4 แห่ง ภาคเหนือ: สิริกิติ์ และทับเสลา ภาคตะวันออก : คลองสียัด ภาคตะวันตก: ปราณบุรี โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ 1) วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด 2) ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และ 3) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
พื้นที่ชุมชน รวม 7 จังหวัด 24 อำเภอ 92 ตำบล 582 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,172 ครัวเรือน ดังนี้
– ภาคเหนือ จ.ตาก ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.กาฬสินธุ์ และอุบลราชธานี ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง จ.ร้อยเอ็ด ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
พื้นที่เกษตรกรรม รวม 20 จังหวัด 450,677 ไร่ ได้แก่ จ.พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ สระบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง สุพรรณบุรี กรุงเทพมหานคร หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด ขอนแก่น กาพสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี และสระแก้ว
สทนช. ประกาศ ฉบับที่ 3/2566 เรื่องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยง และน้ำล้นตลิ่ง ในช่วงวันที่ 12 – 18 ต.ค. 2566 ดังนี้
1. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่มีปริมาตรน้ำสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บสูงสุด (Upper Rule Curve) จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำแม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วลม แม่มอก น้ำห้วยหลวง น้ำพุง หนองหาร อุบลรัตน์ ลำปาว และขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้นกระทบพื้นที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ คาดการณ์ว่าจะมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน และมีแนวโน้มปริมาตรน้ำมากกว่าร้อยละ 80
2. พื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
2.1 แม่น้ำยม บริเวณ อ.ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีสำโรง เมืองสุโขทัย และกงไกรลาศ จ.สุโขทัย อ.พรหมพิราม และบางระกำ จ.พิษณุโลก อ.สามง่าม และโพทะเล จ.พิจิตร
2.2 แม่น้ำมูล บริเวณสถานี M.7 อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ +113.00 ถึง +113.50 ม.รทก. สูงกว่าตลิ่ง 1.00–1.50 ม. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณ อ.เมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร ดอนมดแดง ตระการพืชผล และม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
2.3 แม่น้ำยัง บริเวณสถานี E.92 อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด คาดการณ์ว่าในวันที่ 10-11 ต.ค. 66 ระดับน้ำจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สูงกว่าตลิ่ง 1.00-1.50 ม. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณ อ.เสลภูมิ และโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ในวันที่ 13-14 ต.ค. 66
พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วง 1-3 วัน บริเวณ ภาคเหนือ จ.ตาก น่าน พะเยา กำแพงเพชร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันตก จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
มาตรการและการช่วยเหลือ
•กรมชลประทาน ติดตามแนวโน้มสถานการณ์น้ำทางตอนบนของประเทศยังคงมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำบางแห่ง จึงได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ระดมติดตั้งเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสมุทรปราการ
•กองทัพบก จัดกำลังพลชุดจิตอาสา ลงพื้นที่มอบสิ่งของน้ำดื่ม พร้อมทั้งขนย้ายสิ่งของ ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ชุมชนตลาดเทศบาลเก่า 100 ปี ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ ระดับน้ำสูง 20 – 30 ซม.