กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยก (ร่าง) กฎกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ปี 2567 ถึงปี 2569 ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อให้เป็นตามความตกลง WTO
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 เห็นชอบการบริหารการนำเข้าสินค้าน้ำตาลทรายตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) คราวละ 3 ปี (ปี 2567 – 2569) โดยกำหนดปริมาณในโควตา 13,760 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 65 และนอกโควตาไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 94 และให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีสำหรับสินค้าน้ำตาลทรายปี 2567 – 2569 สำหรับในโควตาจัดสรรด้วยวิธียื่นขอก่อนได้รับสิทธิก่อน (First come, first served) จนกว่าจะครบปริมาณที่กำหนด ซึ่งน้ำตาลทรายเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่ประเทศไทยผูกพันโควตาอัตราภาษีภายใต้ความตกลง WTO โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 เห็นชอบการเปิดตลาดสินค้าปริมาณในโควตา 13,760 ตันต่อปี อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 65 อัตราภาษีนอกโควตาร้อยละ 94 ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์หรือระเบียบบริหารการนำเข้าได้ตามความเหมาะสมโดยประสานกับหน่วยงานหรือคณะกรรมการนโยบายที่เกี่ยวข้องของแต่ละสินค้า ทั้งนี้ กรมฯ ได้จัดทำ (ร่าง) ระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ปี 2567 ถึงปี 2569 พ.ศ. …. ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายข้างต้น เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 6 – 20 ตุลาคม 2566 ก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาลงนามระเบียบกระทรวงพาณิชย์ฯ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีความตกลง WTO ที่ไทยผูกพันไว้และมติคณะรัฐมนตรีข้างต้นต่อไป
นายรณรงค์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การจัดทำ (ร่าง) กฎกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ปี 2567 ถึงปี 2569 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม จึงขอเชิญหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร รวมทั้งผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ (ร่าง) กฎดังกล่าวผ่านระบบกลางของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (www.law.go.th) และเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ (www.dft.go.th) ได้ตั้งแต่วันที่ 6 – 20 ตุลาคม 2566 โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ DFT Call Center โทร 1385 หรือกองบริหารสินค้าข้อตกลงและมาตรการการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 5095