ผู้ว่าฯ อยุธยา ลงพื้นที่ ริมแม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และวัดไชยวัฒนาราม หลังชลประทานส่งสัญญานระบายน้ำท้ายเขื่อนแม่เจ้าพระยาสูงขึ้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำสุด ริมแม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และวัดไชยวัฒนาราม เผยยังไม่กระทบ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก มีแผนบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างประณีต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

วันที่ 20 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย พ.อ.ภัทราวุธ ทิพโกมุท รอง ผอ.รมน.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวันชัย ปังพูนทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่บริเวณศาลเจ้าปุงเถ่ากง หมู่ 11 ต.หัวเวียง อ.เสนา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ หลังจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับน้ำฝนที่ยังตกอย่างต่อเนื่อง โดยมี นางอมรรัตน์ กรึงไกร นายอำเภอเสนา นายธเนศ สนธิ นายกเทศมนตรีตำบลหัวเวียง ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำสุดในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 689 ลบ.ม ต่อวินาที ซึ่งระดับยังต่ำกว่าตลิ่ง และยังไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่แห่งนี้

จากนั้น เวลา 10.00 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมนายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคณะ เดินทางไปที่ วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำโบราณสถานที่สำคัญ พบว่าสถานการณ์น้ำปกติและอยู่ในระดับต่ำกว่าตลิ่ง 3 เมตร อย่างไรก็ตาม ทางกรมศิลปากร ได้จัดทีมติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งไว้เพื่อเตรียมความพร้อม และหากทางกรมชลประทานระบายน้ำในช่วง 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที กรมศิลปากรจะนำคนงาน ติดตั้งบังเกอร์ถาวร ยาว 165 เมตร ตลอดความยาวด้านติดแม่น้ำเจ้าพระยา

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เนื่องจากชลประทานแจ้งการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 689 ลบ.ม ต่อวินาที ซึ่งยังไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ และพรุ่งนี้จะเพิ่มการระบายเป็น 700 ลบ.ม/วินาที เนื่องจากมีฝนตกมากในด้านบน จึงจำเป็นต้องทยอยระบายน้ำลงมา อย่างไรก็ตาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีส่งผลกระทบเริ่มตั้งแต่ 700 ลบ.ม/วินาที เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนบางส่วนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำในพื้นที่คลองบางบาล หัวเวียง ลาดชิด ท่าดินแดง ผักไห่ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน

ในส่วนวัดไชยวัฒนาราม และบริเวณเกาะเมือง จะมีผลกระทบจากการระบายน้ำเริ่มตั้งแต่ 1,500 ลบ.ม/วินาที ซึ่งวันนี้ได้ออกตรวจการเตรียมความพร้อมการป้องกันบริเวณโดยรอบ รวมทั้งการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ โดยทางศูนย์ ปภ เขต2 ได้มาสนับสนุนติดตั้งเพื่อรองรับไว้ นอกจากนี้ ได้มาดูระดับน้ำเนื่องจากกลางตุลาคมจะใกล้ช่วงหมดฤดูฝน ซึ่งปีนี้มีน้ำในอ่างน้อยมาก สิ่งที่ต้องเตรียมต่อไปคือ ระหว่างที่น้ำผ่านมาในพื้นที่ จะนำน้ำไปกักเก็บที่ไหน เพื่อเตรียมไว้ใช้ในเรื่องของการอุปโภคบริโภค ได้สั่งการให้ชลประทานบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างประณีต และมอบให้ ปภ. นัดประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำของจังหวัด เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของราษฎร์บางพื้นที่อยากสูบน้ำเข้าทุ่ง เพื่อจะทำนารอบ 2 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีน้ำใช้เพียงพอสำหรับปีหน้า ทั้งนี้ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก หน่วยงานราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและจะประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าให้กับประชาชนและผู้ประกอบการรับทราบอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา