กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดพิธีมอบถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้แก่สถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยม ประจำปี 2566 (Thailand Labour Management Excellence Award 2023) จำนวน 2 แห่ง ที่มุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง อันจะเป็นต้นแบบให้กับสถานประกอบกิจการอื่นๆ ต่อไป
วันที่ 18 กันยายน 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลสถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ. 2566 (Thailand Labour Management Excellence Award 2023) ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 โดยการจัดพิธีมอบรางวัลมีวัตถุประสงค์เพื่อประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติให้แก่สถานประกอบกิจการที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านแรงงานจนประสบผลสำเร็จและเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นรางวัลที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยในปีนี้กระทรวงแรงงานได้ขอพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ให้กับสถานประกอบกิจการที่ผ่านการคัดเลือกเป็นสถานประกอบกิจการที่มีความมุ่งมั่นในการบริหารแรงงานอย่างเป็นมาตรฐานครบ 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการรับรองมาตรฐานแรงงานไทย ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน และด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน อันจะเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจร่วมกันระหว่างนายจ้าง ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการ อีกทั้งแสดงให้เห็นว่าสถานประกอบกิจการนั้นได้มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใช้แรงงาน และสร้างความตระหนักรู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมด้านแรงงานในทุกมิติ จนสามารถเป็นต้นแบบให้กับสถานประกอบกิจการอื่นๆ นำไปใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ด้าน นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่าในปีนี้มีสถานประกอบกิจการที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน ประจำปี 2566 จำนวน 2 รางวัล คือ สถานประกอบกิจการขนาดใหญ่ ได้แก่ บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) และสถานประกอบกิจการขนาดเล็ก ได้แก่ บริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือร่วมใจในการดำเนินการของสถานประกอบกิจการของทั้ง 2 แห่ง ส่งผลให้นายจ้าง ลูกจ้าง มีความสัมพันธ์อันดี ลูกจ้างมีขวัญกำลังใจในการทำงาน เสริมสร้างศักยภาพในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ โดยทั้งสองฝ่ายสามารถปรับตัวเข้ากับบริบทด้านแรงงานที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม ป้องกัน และลดช่องว่างการขัดแย้งด้านแรงงานที่อาจเกิดขึ้นได้ อันจะเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
“นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้มอบรางวัลเกียรติยศให้แก่สถานประกอบกิจการที่มีการดำเนินการในกิจกรรมแต่ละด้าน ได้แก่ รางวัลเกียรติยศสูงสุดสถานประกอบกิจการที่ธำรงรักษาระบบมาตรฐานแรงงานไทยต่อเนื่อง ปีที่ 15 จำนวน 12 รางวัล รางวัลเกียรติยศสูงสุดยิ่งสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ปีที่ 20 จำนวน 8 รางวัล รางวัลเกียรติยศสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ ปีที่ 25 จำนวน 1 รางวัล รางวัลเกียรติยศสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ ปีที่ 20 จำนวน 9 รางวัล และรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์ จำนวน 10 รางวัล เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเชิดชูสถานประกอบกิจการที่สามารดำเนินการในแต่ละด้านได้อย่างดียิ่ง อันจะเป็นต้นแบบให้สถานประกอบกิจการอื่นๆ นำไปเป็นต้นแบบในการดำเนินสถานประกอบกิจการ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นสถานประกอบกิจการที่มีระบบบริหารจัดการด้านแรงงานให้อยู่ระดับยอดเยี่ยมต่อไป” นายนิยม กล่าวตอนท้าย