ฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ และภาคกลาง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.พังงา (139) จ.ตราด (124) จ.นครสวรรค์ (117) จ.ชัยนาท (76) จ.นครราชสีมา (72) และ จ.กาญจนบุรี (37)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 44,100 ล้าน ลบ.ม. (54%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,759 ล้าน ลบ.ม. (56%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กอนช. ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 29 ส.ค.-3 ก.ย. 66 บริเวณ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร มหาสารคาม หนองบัวลำภู และกาฬสินธุ์ ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต และเฝ้าพื้นที่เสี่ยงระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ แม่น้ำยัง บริเวณอ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ แม่น้ำสงคราม บริเวณอ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ถึง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
สทนช. สร้างต้นแบบการจัดการน้ำชุมชน แก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน นำร่อง 4 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ขอนแก่น และน่าน เพิ่มศักยภาพการปรับตัวกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงด้วยตนเองใน 4 จังหวัดนำร่อง พัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของผู้ใช้น้ำระดับชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบและขยายผลเป็นระดับลุ่มน้ำ เสริมความเข้มแข้งที่รากฐานพร้อมร่วมแก้ไขปัญหาด้านน้ำ
วันที่ 2 กันยายน 2566 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้มแข็งระหว่างองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำ ภายใต้โครงการการเสริมสร้างขีดความสามารถองค์กรบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำ ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อขับเคลื่อนการจัดการและวางแผนบริหารทรัพยากรน้ำระดับชุมชน ต.เกาะขนุน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
โดย สทนช. ร่วมกับ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. มุ่งสร้างต้นแบบชุมชนเข้มแข็ง พร้อมปรับตัวกับสถานการณ์น้ำที่ผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ด้วยตนเอง โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ การเป็นภาคีเครือข่ายร่วมวางแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ใช้น้ำภาคประชาชน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรผู้ใช้น้ำ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยระยะแรกจะดำเนินการในเดือนกันยายน 2566 ในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ขอนแก่น และน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซาก และชุมชนที่พร้อมเรียนรู้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของชุมชนด้วยตนเอง พร้อมทั้งสามารถวางแผนบริหารทรัพยากรน้ำระดับชุมชนได้อย่างเหมาะสม ตามบริบทและสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ รวมทั้งร่วมขับเคลื่อน ติดตามประเมินผล และพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ ผสานและต่อยอดตั้งแต่ระดับชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ลุ่มน้ำย่อย และครอบคลุมทั้ง 22 ลุ่มน้ำหลักในอนาคต