ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง
ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ตราด (127) จ.ระนอง (105) จ.นครสวรรค์ (93) จ.ลพบุรี (85) จ.เลย (79) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (49)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 43,945 ล้าน ลบ.ม. (53%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,519 ล้าน ลบ.ม. (55%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี
กอนช. ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 29 ส.ค.-3 ก.ย. 66 บริเวณ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร มหาสารคาม หนองบัวลำภู และกาฬสินธุ์ ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต และเฝ้าพื้นที่เสี่ยงระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ แม่น้ำยัง บริเวณอ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ แม่น้ำสงคราม บริเวณ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ถึง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
กอนช. ติดตาม การถอดบทเรียนฤดูแล้ง ภายใต้สภาวะเอลนีโญ
วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่างๆ 8 กระทรวง 31 หน่วยงาน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการลุ่มน้ำและเครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำ นักวิชาการ ภาคประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมการประชุม ณ โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ กรุงเทพมหานคร และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงปัญหาและอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำภายใต้มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2565/2566 พร้อมทั้งเปิดรับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2566/2567 เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในฤดูแล้งปีถัดไป ทั้งนี้ ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูแล้ง สทนช. ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ภายใต้กรอบปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) โดยแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ช่วงก่อนฤดูแล้ง เป็นการเตรียมการและสร้างการรับรู้ โดยการคาดการณ์ปริมาณน้ำตลอดช่วงฤดูแล้ง เพื่อกำหนดแผนการใช้น้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืช การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง พร้อมทั้งประกาศพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานช่วยกันเฝ้าระวังและหากเกิดภัย สามารถช่วยเหลือได้ทันเหตุการณ์ พร้อมทั้ง กำหนดมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการเตรียมความพร้อมรับมือเชิงป้องกัน รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ 2) ระหว่างฤดูแล้ง จะเป็นการวิเคราะห์ ติดตาม ประเมิน พื้นที่เสี่ยงภัยและการให้ความช่วยเหลือ จะดำเนินการตลอดช่วงฤดูแล้ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สถานการณ์และการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง และ 3) เมื่อสิ้นสุดฤดูแล้ง จะมีการประเมินผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา เพื่อใช้สำหรับเป็นกรอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาในฤดูแล้งปีถัดไป
จากการคาดการณ์พบว่าสภาวะเอลนีโญจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกน้อย รวมถึงฝนทิ้งช่วง โดยปัจจุบันภาพรวมปริมาณฝนทั่วประเทศยังคงต่ำกว่าค่าปกติ ซึ่งทำให้น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่างๆ มีปริมาณน้อย และมีหลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยในช่วงฤดูฝนปีนี้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขับเคลื่อนมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญอย่างเคร่งครัด