ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง และภาคใต้ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงสูงสุดที่ผ่านมารายภาค มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณ จ.แพร่ (105) จ.เลย (88) จ.จันทบุรี (84) จ.ปทุมธานี (61) จ.ระนอง (61) จ.ประจวบคีรีขันธ์ (48)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 43,896 ล้าน ลบ.ม. (53%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 39,479 ล้าน ลบ.ม. (55%)
กอนช. ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 29 ส.ค.-3 ก.ย. 66 บริเวณ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ตาก พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น สกลนคร มหาสารคาม หนองบัวลำภู และกาฬสินธุ์ ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต และเฝ้าพื้นที่เสี่ยงระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ แม่น้ำยัง บริเวณ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ แม่น้ำสงคราม บริเวณ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ถึง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
กรมเจ้าท่า ดำเนินการกำจัดผักตบชวาในแม่น้ำเจ้าพระยา – แม่น้ำป่าสัก หน้าวัดพนัญเชิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อ่าววัดช้างน้อย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงบึงหาดกองสิน อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท คิดเป็นผลงานสะสม รวม 595,696 ตัน คิดเป็นผลงานร้อยละ 90.53 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงานได้ภายในเดือนกันยายน 2566
กอนช.ผนึกกำลัง 20 หน่วยงานขับเคลื่อน 3 มาตรการฝ่าวิกฤตเอลนีโญ
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการฤดูฝน ปี 2566 เพิ่มเติมอีก 3 มาตรการ เพิ่มเติมจาก 12 มาตรการเดิม เพื่อรับมือสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้น ดังนี้
• มาตรการที่ 1 การจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำของลุ่มน้ำ โดยให้กรรมการลุ่มน้ำร่วมกันจัดลำดับความสำคัญให้ครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำ ซึ่งเสร็จไปแล้ว 10 ลุ่มน้ำ เหลือ 12 ลุ่มน้ำจะเร่งรัดให้แล้วภายใต้ต้นเดือนกันยายน 2566 ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปวางแผนบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำต้นทุน โดยให้ความสำคัญกับการให้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศ เป็นลำดับแรกๆ
• มาตรการที่ 2 ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเพื่อควบคุมไม่ให้มีการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการส่งเสริมอาชีพทางเลือกเพิ่มเติม
• มาตรการที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำโดยในภาคการเกษตรจะส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่
กอนช. จะติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ดำเนินงานตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน และมาตรการเพิ่มเติมอีก 3 มาตรการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ