รายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2566

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ขอรายงานสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำ ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 ดังนี้

1. ผลการดำเนินงานตาม 12 มาตรการ รองรับฤดูฝน ปี 2566
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำจังหวัดบุรีรัมย์และการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปี 66 พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าโครงการศึกษาแผนหลักแบบบูรณาการเพื่อการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง พื้นที่เฉพาะ (Area Based) มูลตอนกลาง ณ อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 ทั้ง 12 มาตรการอย่างเคร่งครัด และกำชับทุกหน่วยงานเตรียมแผนการรับมือ หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจากสถานการณ์เอลนีโญเพื่อให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้ทันกับสถานการณ์

2. สภาพอากาศ
ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง

3. การบริหารจัดการน้ำ การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำระดับประเทศ ณ โรงแรมอลิซาเบธ กรุงเทพมหานคร ซึ่งทาง สทนช. ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผู้ใช้น้ำสามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 โดยครั้งนี้ถือว่าเป็นการประชุมองค์กรผู้ใช้น้ำระดับประเทศ
ครั้งแรก โดยมีตัวแทนองค์กรผู้ใช้น้ำของทั้ง 22 ลุ่มน้ำที่จดทะเบียนแล้วครอบคลุม 3 ภาคองค์กรผู้ใช้น้ำ ซึ่งปัจจุบันมีการจดทะเบียนแล้วรวมทั้งสิ้น 3,469 องค์กร แบ่งเป็น ภาคเกษตรกรรม 2,934 องค์กร ภาคอุตสาหกรรม 270 องค์กร และภาคพาณิชยกรรม 265 องค์กร เข้ามาร่วมระดมความคิดเห็นเสนอแนะแนวทางในการดำเนินกิจกรรมองค์กรผู้ใช้น้ำ ร่วมกับ สทนช. ที่ทำหน้าที่สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ขององค์กรผู้ใช้น้ำ

4. การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากดินถล่มล่วงหน้า 3 วัน
สทนช. ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยล่วงหน้า 3 วัน พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม ดังนี้ จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอชุมพลบุรี) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอขลุง, เมืองจันทบุรี, เขาคิชฌกูฏ, มะขาม, ท่าใหม่, โป่งน้ำร้อน) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เกาะช้าง บ่อไร่ แหลมงอบ เขาสมิง) จังหวัดระยอง (อำเภอบ้านค่าย) จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร) จังหวัดสตูล (อำเภอควนกาหลง) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา, คุระบุรี, ตะกั่วป่า, ท้ายเหมือง) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง, กะเปอร์, กระบุรี, สุขสำราญ, ละอุ่น) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอพนม)