วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการไกล่เกลี่ยและลดความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยมีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการ จังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต้อนรับ และ นายวรนัฐ ติรประเสริฐสิน พัฒนาการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นผู้กล่าวรายงาน โดยได้รับความเมตตาจากพระราชภาวนาพิธาน (ศิริวัฒน์ สิริวฑฺฒโน) เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้การต้อนรับ มีนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรม ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี นางสุวรรณา รอดเรือง ผู้อำนวยการกลุ่มอำนวยการ นางพัชรินทร์ พานำมา ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาศักยภาพกองทุน นายวีระพล ปักคำไทย ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและยุทธศาสตร์ นายธีระพล คู่คิด ผู้อำนวยการกลุ่มกฎหมาย และเจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เข้าร่วมกิจกรรม
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทรา มีสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีประเภทบุคคลธรรมดา จำนวน 181,880 คน ประเภทองค์กรสตรี จำนวน 1,003 องค์กร มีสมาชิกกู้เงิน 16,996 คน มีอาชีพกว่า 25 อาชีพ และอนุมัติเงินทุนหมุนเวียนจำนวนมากกว่า 228 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์มาตรการลดความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีบรรลุวัตถุประสงค์ และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและนอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการ การออกร้านของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่ได้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียน ไปประกอบอาชีพและนำผลิตภัณฑ์ จากทั้ง 11 อำเภอ มาจัดแสดง
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เป็นกองทุนหนุนเสริมงานของกรมการพัฒนาชุมชน โดยเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำที่เปิดกว้างด้านโอกาสให้สตรีสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้หรือเสริมสร้างความเข้มเข็งทางด้านเศรษฐกิจให้แก่สตรี และองค์กรของสตรี ได้รับประโยชน์ 9,353,400 คน แต่ด้วยด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้พี่น้องสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเกิดความยากลำบากในการประกอบอาชีพจึงทำให้การชำระคืนเงินทุนไม่เป็นไปตามสัญญาให้แก่ลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนกรมการพัฒนาชุมชนจึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีขึ้น ให้เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนทุกคน ออกไปพื้นที่ไปรู้จักสมาชิกที่กู้เงิน เอามาตรการไปบอกให้รับรู้ให้รับทราบโดยทั่วกัน ถ้าหากลูกหนี้เข้าร่วมมาตรการจำนวนมากจะส่งผลให้การบริหารจัดการหนี้ของจังหวัดลดลงได้ตามเป้าหมาย และลูกหนี้จะเกิดสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ขอฝากให้ทุกคนช่วยกันดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ฝากมาอยากให้ช่วยกันลดหนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของวินัยทางการเงิน เมื่อยืมเงินไปแล้วก็ต้องใช้ พัฒนาการอำเภอทุกอำเภอต้องกำชับ ใส่ใจลูกน้องให้ดำเนินการตามมาตรการต่างๆ ท่านต้องทำงานให้เร็ว เร็วแล้วถูกต้องด้วย ประชาชนฝากความหวังไว้กับเรา ต้องหนักเอาเบาสู้ ต้องทุ่มเททำงาน เพราะคือหน้าที่ ที่สำคัญต้องรู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ และต้องรู้จักหาเพื่อนมาทำงานช่วยกัน ขอขอบคุณทุกท่านผู้เกี่ยวข้องในวันนี้
สำหรับโครงการนี้ได้รับความเมตตาจาก พระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร และได้รับเกียรติจาก นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เข้าร่วมโครงการฯ โดยมีกิจกรรม ชมการจัดกิจกรรมภายในงาน การจัดนิทรรศการกองทุนฯ, คลินิกการให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย, การให้คำแนะนำด้านการสร้างวินัยทางการเงินการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์, ฝึกสาธิตอาชีพ, ฯลฯ การติดตามการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและติดตามการดำเนินงานตามภารกิจสำคัญกรมการพัฒนาชุมชน
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี อาทิ
1. มาตรการลด/งด ดอกเบี้ยผิดนัด
2. มาตรการปรับโครงสร้างหนี้
3. มาตรการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกรณีลูกหนี้ผิดนัด
4. มาตรการปลดลูกหนี้รายบุคคล
และล่าสุดได้มีมาตรการลดความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566
โดยหากลูกหนี้ค้างชำระเต็มจำนวน
1. จ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยตามสัญญาทั้งหมดจะได้สิทธิ์งดดอกเบี้ยผิดนัด 100%
2. จ่ายเงินต้นไม่น้อยกกว่า 20% จะได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ยผิดนัด 90%
หากลูกหนี้ค้างชำระบางส่วน
1. จ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยตามสัญญาทั้งหมดจะได้สิทธิ์งดดอกเบี้ยผิดนัด 100%
2. จ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยตามสัญญาทั้งหมด (ตามงวดที่ค้าง)จะได้รับสิทธิ์งดดอกเบี้ยผิดนัด 100%
3. จ่ายเงินต้นไม่น้อยกว่า 20% จะได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ยผิดนัด 80%