สถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 ก.ค. 66 เวลา 7.00 น.

ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่องส่วนมากด้านรับมรสุม และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง

ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.กาญจนบุรี (240) จ.ลำปาง (155) จ.ร้อยเอ็ด (119) จ.สงขลา (110) จ.จันทบุรี (83) จ.ปทุมธานี (60)

ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 40,803 ล้าน ลบ.ม. (50%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 36,404 ล้าน ลบ.ม. (51%)

คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 1 – 4 กรกฎาคม 2566 ดังนี้ ภาคตะวันออก จ.ระยอง (อ.เขาชะเมา แกลง และบ้านค่าย) จ.จันทบุรี (อ.ขลุง เขาคิชฌกูฏ ท่าใหม่ มะขาม และแก่งหางแมว) จ.ตราด (อ.บ่อไร่ และเมืองตราด) ภาคใต้ จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง และกะเปอร์) จ.ตรัง (อ.หาดสำราญ กันตัง วังวิเศษ เมืองตรัง และห้วยยอด) จ.สตูล (อ.ทุ่งหว้า และควนกาหลง) จ.พัทลุง (อ.ป่าบอน)

ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและเสี่ยงดินถล่มบริเวณต้นน้ำจากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณีพบพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ในช่วงวันที่ 1 – 4 กรกฎาคม 2566 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการและช่วยเหลือ ดังนี้

• กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับมือ โดยติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและความสามารถใช้งานของอ่างเก็บน้ำ อาคารบังคับน้ำ และติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรถยนต์ตรวจการณ์ จำนวน 1 คัน เข้าติดตามและประเมินสถานการณ์ปริมาณน้ำในลำน้ำขว้าง ลำน้ำปัว และพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดอุทกภัย เพื่อเป็นข้อมูลในการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย สามารถเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ณ สะพานลำน้ำขว้าง ต.วรนคร และสะพานลำน้ำปัว ต.ปัว อ.ปัว จ.น่าน

กอนช. เน้นย้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน พร้อมทั้งติดตามสภาพกาศอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์