ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
ปริมาณฝนตกใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ตรัง (134) จ.นครพนม (134) จ.จันทบุรี (115) จ.อุทัยธานี (89) จ.กาญจนบุรี (58) และ จ.ปทุมธานี (46)
ปริมาตรแหล่งน้ำทุกขนาด 41,640 ล้าน ลบ.ม. (51%) แหล่งน้ำขนาดใหญ่ 37,237 ล้าน ลบ.ม. (52%)
คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก อยู่ในเกณฑ์ปกติทุกสถานี ยกเว้นแม่น้ำบางปะกง ค่าออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร บินปฏิบัติการฝนหลวง ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท นครสวรรค์ ลพบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และสระแก้ว
พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังน้ำหลากช่วง 1-3 วัน ดังนี้ ภาคตะวันออก บริเวณ จ.จันทบุรี ตราด และระยอง
กอนช. ติดตามหน่วยงานเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์
เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงต้นฤดูทำนาปีและในช่วงฤดูแล้ง ส่วนในช่วงฤดูฝนจะเกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมที่ราบลุ่มริมลำน้ำ ทั้งริมฝั่งลำปาวและบริเวณที่ลำปาวบรรจบกับแม่น้ำชี ประกอบกับความต้องการใช้น้ำที่เปลี่ยนแปลง เช่น เกษตรกรหันไปนิยมการเลี้ยงกุ้งและการประมง กรมชลประทาน จึงได้วางแนวทางในการปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความจุอ่างฯ ครั้งแรกเมื่อปี 2533 ปรับเพิ่มจาก 990 ล้าน ลบ.ม. เป็น 1,430 ล้าน ลบ.ม. และครั้งที่ 2 เมื่อปี 2554 สามารถปรับเพิ่มความจุอ่างฯ ได้ถึง 1,980 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับแนวทางในการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการฯ ประกอบไปด้วย การปรับปรุงซ่อมแซมหัวงานเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ และการปรับปรุงระบบชลประทานเดิม โดยหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตพื้นที่ชลประทาน บริเวณที่ราบลุ่มริมลำน้ำริมฝั่งลำปาว และบริเวณลำปาวบรรจบแม่น้ำชี พร้อมเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภค-บริโภค การประปา และอุตสาหกรรมขนาดเล็กในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ สามารถส่งน้ำและระบายน้ำช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทาน ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ 306,963 ไร่