วันที่ 26 เมษายน 2566 เวลา 14.00 น. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ติดตามการขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก โดยมี นายพีระ การุญ นายอำเภอองครักษ์ และนายสมคิด มิดดี้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงศาล ให้การต้อนรับ และมีนายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรม นายประดิษฐ์ นัดทะยาย เลขานุการกรมการพัฒนาชุมชน นายวิลาศ บุญโต พัฒนาการจังหวัดนครนายก นายธนิศร ศรีก๊กเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก นางศศิกานต์ ตระการศาสตร์ พัฒนาการอำเภอองครักษ์ นายไพโรจน์ หมัดนุช กำนันตำบลบึงศาล และผู้นำท้องถิ่นท้องที่ร่วมกิจกรรม
นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนมีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความสามารถและความเข้มแข็งของชุมชน ได้รับมอบหมายให้เป็นทั้งเจ้าภาพหลักและเจ้าภาพร่วมในการดำเนินการนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่รับผิดชอบในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของประชาชน โดยขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะต้องนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ และสร้างความสุขของคนไทย และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่มีหลักการและแนวคิดที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอดการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความสามารถในการ “ล้มแล้ว ลุกไว” ยึดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ SDGs มุ่งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่มบนพื้นฐานของแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” จากสถานการณ์ปัจจุบันและสภาพแวดล้อมของการพัฒนาประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) แนวโน้มความเปลี่ยนแปลงสำคัญของโลก (Global Megatrend) กรมการพัฒนาชุมชนได้กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนในระยะ 5 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ชุมชนมีศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาตนเองสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง คนในชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานพัฒนาด้านต่าง ๆ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ร่วมกันขับเคลื่อนงานพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น Change for Good เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงได้กำหนด Change for Good Flagship Policy คือ “โครงการตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ขึ้น โดยใช้พื้นที่ตำบลเป็นฐานการพัฒนา ภายใต้กลไกเครือข่ายผู้นำการเปลี่ยนแปลงระดับตำบล และกลไก 7 ภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้นำ กลุ่ม องค์กรภาคีเครือข่ายและประชาชนได้เรียนรู้และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และนำมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีความเข้มแข็งทั้ง 3 มิติ ด้านความมั่นคง ด้านความมั่งคั่ง และด้านความยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการตำบลสู่ตำบลจัดการตนเองที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยการจัดทำฐานข้อมูลชุมชนและการใช้ระบบสารสนเทศชุมชน การเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายและการส่งเสริมให้มีระบบธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน เพื่อค้นหารูปแบบ วิธีการขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถขยายผลการดำเนินงานได้ครอบคลุมทุกตำบล
นายวิฑูรย์ นวลนุกูล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมากรมการพัฒนาชุมชน มีการกำหนดพื้นที่ตำบลเป้าหมายในการพัฒนาแล้ว 878 ตำบล และตำบลเป้าหมายได้มีการจัดทำแผนการขับเคลื่อนฯ และการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ขับเคลื่อนการดำเนินงาน “ตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยบูรณาการความร่วมมือกลไก 7 ภาคีเครือข่าย เพื่อมุ่งสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยโครงการนี้ จะส่งผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ ประการแรก ตำบลมีการบริหารจัดการชุมชนโดยชุมชน ประชาชนมีอาหารเพียงพอปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ ประชาชนมีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคง และอยู่ร่วมกันอย่างรู้รัก สามัคคี เกื้อกูล ประชาชนมีส่วนร่วมตามหลักประชาธิปไตย และมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประการต่อมา เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนชุมชนธรรมาภิบาลที่มีการบริหารจัดการเพื่อประโยชน์ของสมาชิกและชุมชน ประชาชนได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และประการท้ายสุด ประชาชนในตำบลน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถี มีการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อการพึ่งตนเองอย่างยั่งยืน มีการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน
ด้านนายสมคิด มิดดี้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบึงศาล กล่าวว่า จังหวัดนครนายกได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาตนเองสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยได้คัดเลือกตำบลบึงศาลเป็นตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความมั่นคง มีผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา มีความสามัคคี ภาคีเครือข่ายเข้มแข็ง ใช้ทุนชุมชน ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กองทุน กข.คจ. กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในการส่งเสริมอาชีพ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และสร้างสวัสดิการชุมชน ด้านความมั่งคั่ง มีกลุ่ม OTOP หลากหลาย เช่น ผ้าปัก ไม้ประดับ กระถางปูนเปลือย ปลาส้ม ปลาบูดู มีรายได้เฉลี่ยตาม จปฐ. ปี 2565 จำนวน 77,722.96 บาทต่อคนต่อปี และด้านความยั่งยืน มีการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต มีการปลูกพืชปลูกผักทุกครัวเรือน อบต.บึงศาลได้มีการส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการขยะและทำถังขยะเปียก ครบร้อย 100 เปอร์เซ็นต์ และมีการจัดพื้นที่ด้านหลัง อบต.บึงศาล ทำเป็นแปลงสาธิตการปลูกผัก ปลูกไม้ผล สร้างพื้นที่ให้คนในชุมชนได้มาเรียนรู้ร่วมกัน แล้วนำไปปรับใช้ในครอบครัว ในชีวิตประจำวัน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ต่อมา เวลา 15.00 น. นายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้ร่วมบันทึกเทปถ่ายทำวีดิทัศน์สารคดีในประเด็นการขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็งฯ ในพื้นที่ตำบลบึงศาล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก เพื่อออกอากาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7HD ต่อไป โดยมีพัฒนาการจังหวัดนครนายก พัฒนาการอำเภอองครักษ์ และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนร่วมให้ข้อมูล