ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และการอบรมเสริมสร้างภาวะผู้นำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบบริการสุขภาพ จังหวัดมุกดาหาร ย้ำช่วง 3 ปีจากนี้ เป็นโอกาสในการพัฒนาระบบบริการ ยกระดับโรงพยาบาลในพื้นที่ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนและลดการเสียชีวิตจากโรคที่เป็นปัญหาสำคัญ โดยยึดหลัก 4T ในการทำงาน
วันที่ 23 มีนาคม 2566 ที่ โรงแรมพลอยพาเลซ จ.มุกดาหาร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศและการอบรมเสริมสร้างภาวะผู้นำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงระบบบริการสุขภาพ จังหวัดมุกดาหาร ปี 2566 (Mukdahan Smart Leadership for Change in Health Care Systems : MSL รุ่นที่ 1)
โดยมี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 8 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 ร่วมพิธี และมีกลุ่มรองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กลุ่มผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดมุกดาหาร เข้าร่วมประชุมกว่า 130 คน
นพ.โอภาส กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขของไทยมีความแข็งแกร่งอย่างมาก หลังสิ้นสุดสถานการณ์ยังมีปัจจัยด้านบุคลากรที่ได้รับการบรรจุเติมเต็มในระบบกว่า 4 หมื่นอัตรา และความมั่นคงทางการเงินการคลัง มีเงินบำรุงเพียงพอที่จะใช้ลงทุนพัฒนาด้านต่างๆ ทำให้ช่วง 3 ปีต่อจากนี้เป็นโอกาสดีที่กระทรวงสาธารณสุขจะได้พัฒนาระบบ บริการให้ก้าวหน้า โดยปรับทิศทางการพัฒนาโรงพยาบาล จากเดิมที่ขยายศักยภาพตามฐานประชากรและผู้รับบริการ มาเป็นการยกระดับโรงพยาบาลในพื้นที่ให้มีศักยภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการรับบริการสุขภาพของประชาชน และช่วยให้เข้าถึงบริการสุขภาพได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบบริการที่ช่วยลดการเสียชีวิตจากโรคที่เป็นปัญหาสำคัญ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปฏิบัติงาน ได้มอบแนวทางให้ยึดหลัก 4T คือ Trust สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชน, Teamwork & Talent สร้างเครือข่าย ทำงานเป็นทีมและสนับสนุนคนเก่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลง, Technology ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และ Target ทำงานแบบมุ่งเป้าหมาย ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
นอกจากนี้ ต้องพร้อมรับปัญหาท้าทายทางสุขภาพที่จะเกิดขึ้น อาทิการเป็นสังคมสูงอายุ โรคระบาดต่างๆ ภาวะโลกร้อน ซึ่งผู้บริหารที่เข้ารับการพัฒนาศักยภาพครั้งนี้ จะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสุขภาพในพื้นที่ตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป