หนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญที่อยู่บริเวณชายฝั่งคือ “ป่าชายเลน” ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่ประกอบด้วยพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์หลายชนิด เป็นแหล่งอาหาร แหล่งเพาะพันธุ์ และที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ เป็นแหล่งผลิตโอโซนช่วยลดโลกร้อน เพราะสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าพื้นที่ป่าปกติ รวมถึงเชื่อมผืนน้ำให้เข้ากับผืนดินได้อย่างกลมกลืน ป่าชายเลนจึงเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามหาศาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จึงให้ความสำคัญและถือเป็นแนวนโยบายหลักในการปกป้อง อนุรักษ์ ฟื้นฟู ทรัพยากรป่าชายเลนให้คงอยู่ และเพิ่มปริมาณขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าชายเลน โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนชายฝั่ง และอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลในการแก้ไขปัญหา ปกป้องดูแลทรัพยากรชายฝั่ง และป่าชายเลนเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
จากกรณีที่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ได้แสดงความวิตกกังวลต่อพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เนื่องจากคำจำกัดความของพื้นที่เกษตรกรรม ตามระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 กำหนดว่า การประกอบเกษตรกรรม หมายถึง “การปลูกพืชฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคหรือจำหน่ายหรือใช้งานในฟาร์มฯ ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนในที่ดินกรรมสิทธิ์ของประชาชน ไม่เข้าข่ายนิยามพื้นที่เกษตรกรรม แต่ถูกประเมินให้เป็นลักษณะที่ดินตามมาตรา 37 (4) แห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 เข้าข่ายที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ ซึ่งมีอัตราภาษีแพงกว่าพื้นที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนในที่ดินกรรมสิทธิ์ลดจำนวนลง ต้นไม้ป่าชายเลนในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ถูกแผ้วถางเพื่อปลูกพืชเกษตรกรรม ทั้งที่พื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ดินเลนไม่เหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรม ซึ่งพื้นที่ป่าชายเลนมีบทบาทสำคัญในการเป็นแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามธรรมชาติซึ่งไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศ และรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นทั้งแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ เป็นฐานต้นทุนในการพัฒนาอาชีพด้านการท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ รวมถึงนิเวศบริการอื่นๆ กรม ทช.ได้ทราบปัญหาดังกล่าว
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ( รรท.อทช.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และประชาชน จังหวัดสมุทรสงครามเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้ประชุมเพื่อรับฟังปัญหาจากผู้แทนภาคประชาชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากภาครัฐเกี่ยวกับปัญหาหลักเกณฑ์การลดหย่อนภาษีที่ดินป่าชายเลนกรรมสิทธิ์ โดย รรท.อทช.ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการปลูกป่าชายเลนในที่ดินเอกสารสิทธิ์ รวมถึงการสนับสนุนแจกจ่ายกล้าไม้ป่าชายเลนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา และคณะได้ลงพื้นที่ป่าชายเลนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่มีการปรับพื้นที่เพื่อปลูกไม้สนเพื่อประกอบแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไปด้วย
จากปัญหาดังกล่าว นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้สึกเป็นห่วงเกรงว่าพื้นที่ป่าชายเลนในอนาคตอาจลดลง หากป่าชายเลนในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ถูกแผ้วถางเปลี่ยนแปลงสภาพลง จึงมอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามกำกับให้ กรม ทช. เร่งดำเนินการเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับนิยามของคำว่า “พื้นที่สีเขียว” โดยเพิ่มให้เป็นประเภทที่ดินที่ไม่เข้าข่ายเป็นที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ ให้พื้นที่ป่าชายเลนของประชาชนดังกล่าว ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีโครงการส่งเสริมปลูกป่าชายเลนในที่ดินเอกสารสิทธิ์ ท้องที่จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม โดยจะสนับสนุนงบประมาณให้ประชาชนปลูกสวนป่าชายเลนในพื้นที่เอกสารสิทธิของตน ในอัตราไร่ละ 3,850 บาท และบำรุงแปลงปลูกปีที่ 2 – 3 ไร่ละ 420 บาท และได้ขอตั้งงบประมาณในจังหวัดชายฝั่งอื่นในปีต่อไป ซึ่งจะช่วยป้องกันรักษาพื้นที่ป่าชายเลนไม่ให้ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเนื่องจากอัตราภาษีที่ดิน อีกทั้ง กรม ทช. ยังมีพันธุ์กล้าไม้ป่าชายเลนที่พร้อมแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ 24 จังหวัดชายฝั่ง ซึ่งสามารถนำไปปลูกในพื้นที่ของตน เพื่อประโยชน์ด้านภาษีที่ดิน ทั้งนี้ กรม ทช. ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน 3 แสนไร่ ภายใน 10 ปี ภายใต้การดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งอาศัยความร่วมมือจากองค์กรภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนในการดำเนินงานอีกด้วย “นายอภิชัย กล่าว”