กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมกับ ดีแทค เตรียมความพร้อมให้เยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ด้วยทักษะดิจิทัลเพื่อโอกาสทางอาชีพและการใช้ชีวิต

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 เวลา 10.00 น. กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ร่วมกับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ “เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันบนดิจิทัลและพัฒนาศักยภาพการขายสินค้าออนไลน์ สำหรับเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา” โดยมี พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และนายสตีเฟ่น เจมส์ แฮลวิก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ร่วมลงนาม ซึ่งการลงนามในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับเด็กและเยาวชน นำไปสู่โอกาสในการทำประกอบอาชีพ รวมถึงส่งเสริมความรู้และความเข้าใจถึงทักษะการรับมือกับความเสี่ยงบนโลกออนไลน์ ป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะส่งผลให้เด็กและเยาวชนหวนมากระทำผิดซ้ำ โดยเยาวชนที่ได้รับการฝึกอบรมจากหลักสูตร “ดีแทค เน็ตทำกิน” จะสามารถใช้เทียบคุณวุฒิทางการศึกษาตามมาตรฐานเพื่อเรียนต่อหรือประกอบอาชีพในอนาคตได้

โอกาสนี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้กล่าวถึงจุดยืนในการนำองค์กรสู่พันธกิจขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ดิจิทัลอย่างเท่าเทียมในหัวข้อ “คุ้มครอง ป้องกัน จำแนก แก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ส่งมอบคืนสังคม” ความตอนหนึ่งว่า “จากรายงานสถิติคดีประจำปีงบประมาณ 2565 ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบว่ามี Gen Z ซึ่งเป็นเด็กที่มีอายุเกิน 12 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ และเยาวชน หรือบุคคลที่มีอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์กระทำความผิดจำนวนมากถึง 12,202 คดีทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกและอบรมฯ ทั่วประเทศ รวม 3,000 ราย โดยกรมพินิจฯ ให้การคุ้มครองดูแลเด็กและเยาวชนทั้งเรื่องสภาพร่างกายและจิตใจ จัดการศึกษา เพิ่มทักษะต่างๆ ด้วยทีมนักวิชาชีพของกรมพินิจฯ เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถนำทักษะความรู้ที่ได้รับและฝึกฝนไปใช้ได้ภายหลังได้รับการปล่อยตัว โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา ที่เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างทักษะความสามารถให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งภายในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกและอบรมฯ มีการจัดรูปแบบการเรียนที่เหมาะสมให้กับเด็กและเยาวชน 3 รูปแบบ ประกอบด้วย การศึกษาในระบบเดิม, การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และการศึกษาทางเลือก เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสในการจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) รวมถึงจัดให้มีการศึกษาและเสริมทักษะด้านวิชาชีพ ทั้งนี้เมื่อจบการศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรตามหลักสูตร เพื่อนำไปใช้ในสังคมได้ตามปกติ ซึ่งในปีการศึกษา พ.ศ. 2564 มีเยาวชนที่ได้รับการศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกหลักสูตร จำนวนทั้งสิ้น 1,557 คน และการฝึกอาชีพระยะสั้น จำนวนทั้งสิ้น 2,237 คน ทั้งนี้หนึ่งในหลักปรัชญาที่สำคัญในการทำงานที่กรมพินิจฯ ยึดถือ คือ การให้โอกาสเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาดได้ปรับปรุงตนเอง ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมตามช่วงวัยเพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ แต่หากไม่มีโอกาส กรมพินิจฯ ก็มีหน้าที่สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชน ซึ่งการประสานความร่วมมือกับดีแทคในครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งในความพยายามในการสร้างโอกาส โดยให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกดิจิทัลและสื่อออนไลน์จากมืออาชีพ พร้อมทั้งเสริมประสบการณ์ให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันภัยจากสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่อาจนำเด็กและเยาวชนเหล่านี้กลับไปสู่การกระทำผิดซ้ำได้อีกในอนาคต”

ทางด้าน นายสตีเฟ่น เจมส์ แฮลวิก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “เยาวชนที่อยู่ภายใต้การดูแลในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงวัย Digital natives หรือ Gen Z ซึ่งเกิดระหว่าง พ.ศ. 2540 – 2555 คือ ช่วงอายุ 10 – 25ปี และเติบโตมากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่แล้ว หน้าที่ของดีแทคและกรมพินิจฯ เพียงต้องทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อและ reactive พวกเขา ให้พร้อมกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่กำลังเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ด้วยความมุ่งหวังว่า พวกเขาจะไม่พลาดที่จะมีโอกาสในการใช้ชีวิตร่วมกับคนในช่วงวัยเดียวกันกับพวกเขา สถิติน่าสนใจระบุว่า คน Gen Z จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในไม่ช้า และจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าห้าเท่าเป็น 33 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสี่ของ GDP ทั่วโลก และสูงกว่ารายได้ของคนรุ่น Millennials ภายในปี 2574 การวัดดัชนีความสามารถทางดิจิทัล คะแนนความสามารถเฉลี่ยของคน Gen Z สูงกว่าคนรุ่น Millennials 2.5% และสูงกว่าคนรุ่น Gen X มากกว่า 8% โดยที่ Gen Z มีความตื่นตัวและมีความทุ่มเทพยายามมากกว่าผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่จะใช้สื่อสังคมออนไลน์และเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาในประเด็นทางสังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม หรือสิทธิมนุษยชน ซึ่งความร่วมมือบันทึกความเข้าใจร่วมฉบับนี้ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และดีแทคจะร่วมกันเสริมสร้างภูมิคุ้มกันบนดิจิทัลและพัฒนาศักยภาพการขายสินค้าออนไลน์ สำหรับเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นระยะเวลา 3 ปี ดังนี้

1. สร้างทักษะให้เยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ผ่านแพลตฟอร์ม e-Learning ให้เข้าใจและส่งเสริมทัศนคติให้เปิดรับความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และมีศักยภาพในการเปิดร้านค้าออนไลน์ การทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ เพื่อต่อยอดสู่ผู้ประกอบการในอนาคต

2. สร้างทักษะให้เยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญามีทักษะสามารถแยกแยกและรับมือกับความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีความรับผิดชอบ รู้เท่าทัน และร่วมส่งเสริมวัฒนธรรมสังคมออนไลน์ที่สร้างสรรค์ได้ (Digital Resilience)

3. ลงมือปฏิบัติจริงผ่านกิจกรรม Workshop และร่วมประกวดแข่งขันในแคมเปญที่จัดทำร่วมกันระหว่าง ดีแทค เน็ตทำกิน และศูนย์ฝึกอบรมทั้ง 20 แห่ง เพื่อให้เยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาทั่วประเทศได้มีโอกาสฝึกฝน ลงมือทำตามสถานการณ์จริง

โดยเยาวชนที่ผ่านหลักสูตรนี้ จะได้รับใบประกาศนียบัตรจาก ดีแทค และ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. เพื่อรับรองวุฒิหลักสูตรที่ได้รับอบรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนนำไปใช้เทียบคุณวุฒิทางการศึกษาตามมาตรฐานเพื่อศึกษาต่อหรือเพื่อการประกอบอาชีพเมื่อกลับสู่สังคมในอนาคต สำหรับในปีนี้ จะมีเยาวชนในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างน้อย 500 คน จะเข้ามาเรียนบนแพลตฟอร์มออนไลน์”

จากนั้นตัวแทนเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนสิรินธร ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ดิจิทัลจากทีมดีแทคเน็ตทำกิน โดยตัวแทนเยาวชนกล่าวไว้ความตอนหนึ่งว่า “ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่สอน พวกผมได้เรียนรู้วิธีการทำ Content ให้สนุก และมีความน่าสนใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปเพิ่มเติมในการประกอบอาชีพทางออนไลน์ได้ จากที่ครั้งหนึ่งที่พวกผมเป็นเด็กเกเร วันนี้ได้รู้มากขึ้น พวกผมประทับใจ อยากขอบคุณโค้ชทุกคนอีกครั้ง”

ในการนี้อธิบดีกรมพินิจฯ ได้มอบพวงมาลัยผ้าขาวม้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์งานฝีมือของเด็กและเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 4 ให้กับแขกผู้มีเกียรติด้วย สำหรับพิธีลงนามดังกล่าวได้รับเกียรติจากนางนลินนาถ ไกรนรา รองอธิบดีกรมพินิจฯ และ นางอรอุมา ฤกษ์พัฒนาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานสื่อสารองค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ร่วมลงนามฯ เป็นสักขีพยาน โดยภายในงานมีนางสาววรชนาธิป จันทนู รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ดร.อณูวรรณ วงศ์พิเชษฐ์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อความยุติธรรม สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมเป็นเกียรติ และมีหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกรมพินิจฯ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ จากกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เข้าร่วมพิธีด้วย ณ อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 32 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร