เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) กล่าวว่า ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้เร่งประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประมงถูกกฎหมาย แก่พี่น้องชาวประมงในที่ฝั่งทะเลอ่าวไทย และฝั่งทะเลอันดามัน เนื่องจากผ่านมาทุกปีมีเรือคราดหอยเข้ามาทำการประมงจึงทำให้ชาวประมงกลุ่มทำประมงเชิงอนุรักษ์เป็นห่วงต่อทรัพยากรในพื้นที่อย่างมาก เกรงว่าจะเป็นที่หมายตาของกลุ่มเรือประมงผิดกฎหมาย ที่นำคราดตะแกรงตาถี่ติดพ่วงกับเรือเครื่องยนต์ มาคราดหอยนำไปขายให้พ่อค้าแม่ค้า จนหวั่นทำให้สูญพันธุ์ ทั้งนี้ผู้แทนกลุ่มทำประมงเชิงอนุรักษ์จึงได้เข้าหารือกับตน ฐานะอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้เข้ามาดำเนินการแก้ไข ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
ทั้งนี้ ตามกฎหมายได้มีการอนุญาตให้ชาวประมง และชาวบ้านงมจับหอยขึ้นจากท้องทะเลเพื่อบริโภค ทำให้มีพันธุ์หอยที่หลุดจากการงมของชาวบ้านด้วยมือเปล่า ทำให้หอยสามารถขยายพันธุ์ได้มากขึ้นและมีขนาดใหญ่จนกลายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้แต่เป็นที่เสียดาย เพราะยังมีชาวบ้านชาวประมงบางคนยังคงนิยมทำการประมงลักษณะใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย และเป็นเครื่องที่ทำลายล้างสูง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น จึงอยากให้ชาวประมงเหล่านี้เปลี่ยนจากการใช้คราดติดพ่วงเครื่องยนต์ มาใช้งมด้วยมือหรืออาจจะใช้คราด แต่ต้องคราดด้วยมือเท่านั้น
นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนมาตรการต่อไปหลังจากนี้ได้มีการหารือกับหน่วยงานระดับจังหวัด กำหนดเป็นแผนปฏิบัติการป้องกันถ้าชาวประมงเหล่านี้ยังคงใช้คราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ มาคราดพันธุ์หอยกันอีกจะต้องมีการบันทึกภาพขณะกระทำความผิดผ่านอากาศยานไร้คนขับเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีและจะทำการสืบหานายทุนผู้รับซื้อ ซึ่งถือว่าเป็นผู้สนับสนุนกระทำผิดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนที่ลักลอบทำประมงคราดหอยด้วยคราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ ซึ่งมีโทษปรับสูงถึงหลักแสนบาท และยึดอุปกรณ์เครื่องมือการทำประมงโดยไม่มีข้อยกเว้น จึงอยากให้กลุ่มชาวประมงเหล่านี้เปลี่ยนวิธีการจับหอย ให้เป็นลักษณะแบบงมกับมือเพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จะติดตามสถานการณ์การทำประมง ทั้งพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบการทำประมงอย่างผิดกฎหมาย และท้ายนี้ต้องขอบคุณชาวประมงทุกท่านที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐตลอดมา ซึ่งจากสถานการณ์ปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปีนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่าหากรัฐและราษฎร์ร่วมใจ ทรัพยากรก็จะถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและมีความยั่งยืน โดยหากใครพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร.1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่เข้าตรวจสอบและช่วยเหลือได้ทันท่วงทีต่อไป อธิบดีกรมทะเลและชายฝั่งกล่าว “นายอรรถพล กล่าวในที่สุด”